เอ็นไวโรเซล เผย 6 ไลฟสไตล์ใหม่ ของคนเมียนมาปี 2559 ก้าวข้ามสิ่งเก่า เปิดรับสิ่งใหม่สู่ความเป็นโมเดิร์นเต็มตัว

25 Mar 2016
เอ็นไวโรเซล (ไทยแลนด์) เปิดเผยงานวิจัย 2 หัวเมืองหลักของเมียนมา ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของคนเมียนมาปี 2559 เปิดรับสิ่งใหม่ด้วยกระแสจากภายนอก เปลี่ยนจากทานาคาสู่มอยสเจอร์ไรเซอร์ จากรถมือสองสู่รถนำเข้า จากกาแฟชงแบบซองสู่กาแฟสด
เอ็นไวโรเซล เผย 6 ไลฟสไตล์ใหม่ ของคนเมียนมาปี 2559 ก้าวข้ามสิ่งเก่า เปิดรับสิ่งใหม่สู่ความเป็นโมเดิร์นเต็มตัว

น.ส. สรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด บริษัทในเครือของบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำแห่งความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า "จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองของเมียนมา ที่เป็นที่จับตามองของนักลงทุนจากทั่วโลก เอ็นไวโรเซล เดินหน้าศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ได้มีการสำรวจข้อมูลใน 3 หัวเมืองใหญ่ของประเทศพม่า คือ ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็น 2 เมืองหลัก ที่เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศพม่า และมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ ด้วยกลุ่มตัวอย่างทั้งชาย และหญิง อายุ 18 ปีขึ้นไป และมีรายได้ ในระดับล่างถึงบน (A, B, C และ D) พบว่าสังคมเมียนมามีการเปลี่ยนอย่างมาก และมีไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าจับตามอง ดังนี้

1.เปลี่ยนรสนิยม

คนพม่าปัจจุบันนั้นยอมใช้จ่ายเงินมากขึ้น เพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ เห็นได้จากตัวบ่งชี้หลายอย่าง เช่น ร้านกาแฟสดที่เริ่มมีมากขึ้นในย่างกุ้ง ซึ่งเกิดขึ้นจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาด คนพม่าบางกลุ่มนั้น เริ่มจะเปลี่ยนจากร้านกาแฟริมถนนที่อยู่คู่กับชาวเมียนมามาอย่างยาวนาน แต่มายอมจ่ายแพงขึ้นถึง 10 เท่าโดยเฉลี่ย เพื่อทานกาแฟในคาเฟ่ที่สมัยใหม่ ซึ่งปัจจุบันในย่างกุ้งนั้นมีร้านกาแฟสดเพิ่มมาขึ้นราว 30 ร้าน ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา หนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวพม่าสนใจในกาแฟสดนั้น ก็มีอิทธิพลมาจากการเสพสื่อ ที่เห็นไลฟสไตล์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รวมทั้งละครเกาหลี ถึงแม้บางคนอาจจะยังสั่งไม่ถูก ยังไม่เข้าใจความแตกต่างของกาแฟสดแต่ละชนิด แต่อย่างไรก็ตามกาแฟสด ก็ได้เข้ามามีบทบาทกับไลฟสไตล์ของชาวพม่ามากยิ่งขึ้น เปลี่ยนวิถีชาวเมียนมาจากนั่งยองกินกาแฟเป็นนั่งเก้าอี้มากขึ้น

2.ท่องเที่ยว

ไม่เพียงแค่ชาวต่างชาติสนใจเมียนมา แต่ชาวพม่าก็สนใจโลกภายนอกเช่นกัน กำลังซื้อที่มีมากขึ้น จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และค่าเงินที่แข็งขึ้นกว่า 30% นั้น ทำให้ชาวพม่าสนใจไปเที่ยวนอกประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในเอเชียแปซิฟิกอย่าง ไทย เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น โดยมีอัตราส่วนการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกประเทศมากกว่า 200% ตั้งแต่ปี 2011 ทั้งนี้ตัวเลขนี้ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะประเทศต่างๆ เริ่มใช้นโยบายลดหย่อนวีซ่า เพื่อชาวพม่าบ้างแล้ว

3.ทันโลก

ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์ ชาวเมียนมามีทางเลือก และโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ มากขึ้น คนพม่ามีสัดส่วนการติดจานดาวเทียม เพื่อรับสื่อนอกประเทศมากขึ้นกว่า 200% จากปีที่แล้ว และกว่า 95% มีโทรศัพท์ใช้ โดย 80% ของโทรศัพท์ทั้งหมดเป็นสมาร์ทโฟน นอกจากนั้น 60% ของผู้ใช้โทรศัพท์ยังใช้บริการบนโลกออนไลน์ ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2012 ซึ่งในขณะนั้น มีตัวเลขเพียงแค่ 2% เท่านั้น รวมทั้งเทรนด์การใช้ข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน ยังเติบโตขึ้นถึง 200% ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตสะท้อนถึงพฤติกรรมการเสพข้อมูลของชาวพม่าที่เพิ่มสูงมากขึ้นได้เป็นอย่างดี

4.ลองของ

เมื่อคนพม่าเสพสื่อ และเปิดรับกับสินค้า และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น คนพม่ายังมีทางเลือกในแง่ของความหลากหลายของสินค้ารวมถึงแบรนด์มากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น ตลาดเครื่องใช้อุปโภคบริโภค (FMCG) ในเมียนมานั้นเติบโตราว 14% ใน 4 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยส่วนหนึ่งเกิดจากการแข่งขันทางการตลาดในพม่านั้นเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทั้งแบรนด์ในประเทศ และแบรนด์ต่างชาติ งบโฆษณาของแบรนด์ต่างชาติเพิ่มขึ้นราว 3 เท่า จากปี 2010 เช่นเดียวกับแบรนด์ท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นราว 2.3 เท่าเช่นกัน หากย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับปี 2001 งบโฆษณาโดยรวมนั้น เพิ่มขึ้นกว่า 13 เท่า ซึ่งสามารถชี้ชัดได้ว่าตลาดที่กำลังเติบโต และการแข่งขันที่จะทำให้ความภักดีของแบรนด์สินค้าลดลงด้วยเช่นกัน จากค่าเฉลี่ยที่เคยใช้สินค้ายี่ห้อเดียวก็เป็น 2 แบรนด์ 2 ยี่ห้อไปโดยปริยาย

5.สำอาง

คนเมียนมานั้นเริ่มรู้จัก และใช้สินค้าเพื่อดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น เช่น สินค้าในประเภทครีมหรือโลชั่น มีการเติมโตถึง 2 เท่าใน 3 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ประเภทครีมนวดผม ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นสูงสุด จาก 5% ในปี 56 สู่ 50% ในปีนี้ นอกจากนั้นในเรื่องของการดูแลผิวพรรณของชาวพม่า ในอดีตเป็นเรื่องของผู้หญิงซะส่วนใหญ่ หากแต่ในปัจจุบันนั้น กลุ่มผู้ชายก็เริ่มปรับตัวมาสนใจสินค้าใหม่ๆ และดูแลผิวพรรณของตัวเองด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น อัตราการใช้โฟมล้างหน้าในกลุ่มผู้ชายนั้นเติบโตมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ 24% สู่ 29% และ 36% ในปีนี้ตามลำดับ

6.พกบัตร

แน่นอนว่าเมื่อการใช้อินเตอร์เน็ตเติบโตขึ้น การซื้อขาย จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์นั้น ก็มีแนวโน้มเติบโตด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับระบบการจ่ายเงินแบบเครดิตในพม่านั้น แต่ละองค์กรที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการร่วมมือ และกระตุ้นการใช้งานมากขึ้น เช่น Myanmar Payment Union ได้ร่วมมือกับ 2C2P ผู้ให้บริการ Online Payment และแบงค์ในประเทศเพื่อออกบัตรเดบิตสำหรับชาวพม่าหรือ MPU cards ขึ้น มีเป้าหมายเพื่อเปิดประตูให้ชาวพม่าได้ซื้อสินค้าจากในประเทศ และต่างประเทศ โดยปัจจุบันผู้ใช้บริการอยู่มากกว่า 900,000 คน นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาด E-commerce ในพม่า นอกจากนั้นรัฐบาลเมียนมายังให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์ประกอบพื้นฐาน และการศึกษา โดยมีการใช้เงินสำรอง และกู้เงินต่างชาติกว่า 2,300 ล้านดอลล่าห์ ในการพัฒนาระบบไฟฟ้าในประเทศ และในส่วนของการศึกษา โดยมีการเพิ่มงบประมาณจาก 1,000 ล้านดอลล่าห์เป็น 1,300 ล้านดอลล่าห์ เพื่อนำไปใช้ในการจ้างครู ให้การศึกษาฟรี ให้ทุนรัฐบาลในมหาวิทยาลัยในระดับที่สูงขึ้น มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคคลากรระดับบัณฑิตศึกษาให้มากขึ้น ทั้งนี้จะทำให้เมียนมามีปัจจัยพื้นฐาน และมีบุคคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นคลังสมองในการพัฒนาประเทศได้ในอนาคตอย่างรวดเร็ว

เอ็นไวโรเซล บริษัทวิจัย ยักษ์ใหญ่ระดับโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ค และอีกหลายสาขาทั่วโลก อาทิ มิลาน โตเกียว แม็กซิโก และมอสโก เป็นต้น เปิดตัว "บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด" บริหารงานโดย นางสาว สรินพร จิวานันต์ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด ที่ไม่ใช่เพียงแค่เป็นที่ปรึกษาด้านการทำวิจัยเท่านั้น แต่เน้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ที่เกิดจากการเฝ้าสังเกตุ สะกดรอยผู้บริโภคอย่างแท้จริง หรือที่เรียกว่า "Observational Research" นับได้ว่าเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับวงการวิจัยเมืองไทย และเป็นบริษัทวิจัยบริษัทเดียวที่มุ่งเน้นการวิจัยแบบเจาะลึก นับว่าเป็นพัฒนามิติใหม่ๆ ให้กับวงการตลาดของเมืองไทย ซึ่งจะตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี