USAID จับมือ เนสเพรสโซ และ Technoserve ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนกาแฟในซูดานใต้

07 Apr 2016
เงินลงทุน 3.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะนำไปใช้ในการเร่งพัฒนาตลาดกาแฟในประเทศซูดานใต้

เนสเพรสโซ และ TechnoServe ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการพัฒนาโดยไม่แสวงผลกำไร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ อันได้แก่ องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งการฟื้นฟูอุตสาหกรรมกาแฟในประเทศใหม่อย่างซูดานใต้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ทั้งนี้ USAID จะทุ่มเงิน 3.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมกาแฟในซูดานใต้ เพื่อสร้างความหลากหลายในตลาดส่งออก และช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บรรดาเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรายย่อย

(รูปภาพ : http://photos.prnewswire.com/prnh/20160406/352009 )

นับตั้งแต่ปี 2554 เนสเพรสโซ และ TechnoServe ได้ร่วมงานโดยตรงกับเกษตรกรท้องถิ่น เพื่อฟื้นฟูการผลิตกาแฟคุณภาพสูงในซูดานใต้ ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและส่งออกกาแฟ โดยเนสเพรสโซได้ทุ่มงบไปแล้วกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการดังกล่าว ซึ่งอุตสาหกรรมกาแฟของซูดานใต้นั้นถดถอยลงนับตั้งแต่ช่วงสงครามกลางเมือง โดยปัจจุบันมีการส่งออกน้ำมันคิดเป็น 99% ของสินค้าส่งออกทั้งหมดของประเทศ

นับจนถึงปัจจุบัน เกษตรกรมากกว่า 700 ราย ได้เข้าร่วมโครงการคุณภาพยั่งยืนระดับ AAA ของเนสเพรสโซ ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุน จัดฝึกอบรม และให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อยกระดับความยั่งยืนและความสามารถในการผลิต ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมเรื่องการรักษาคุณภาพกาแฟในระดับสูงสุด เครื่องบดแบบเปียกเครื่องแรกในซูดานใต้ได้มีการนำมาใช้งานแล้ว โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องมือแปรรูปผลกาแฟให้เป็นเมล็ดกาแฟ และการส่งออกกาแฟครั้งแรกไปยังฝรั่งเศสนั้น ได้ดำเนินการในชื่อ Nesspresso Limited Edition เมื่อปีที่ผ่านมา

"การเป็นพันธมิตรครั้งใหม่กับ USAID เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยเร่งกระบวนการที่เนสเพรสโซ และ TechnoServe ดำเนินการอยู่ ด้วยการทำงานโดยตรงกับเกษตรกรชาวซูดานใต้" ฌอง มาร์ค ดูวอแซง ซีอีโอของเนสท์เล่ เนสเพรสโซ กล่าว "การอัดฉีดเงินทุนครั้งนี้จะอำนวยให้เราขยายขอบเขตโครงการอีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรอีกหลายคนสามารถปลูกและจำหน่ายกาแฟคุณภาพสูงไปยังตลาดนานาชาติในราคาที่สูงขึ้น และยังเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่เกษตรกรและครอบครัว"

ด้าน จอร์จ คลูนีย์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของเนสเพรสโซ กล่าวว่า "กาแฟเป็นแหล่งรายได้ที่เกษตรกรในซูดานใต้ต้องการ ซูดานใต้ยังคงเป็นประเทศที่พังพินาศจากเหตุสงคราม การทุ่มทุนตั้งแต่ระดับรากหญ้าและการสร้างพลังให้แก่ชุมชนเพาะปลูกในท้องถิ่นถือเป็นการสร้างพื้นฐานเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การเข้ามามีส่วนร่วมของ USAID นับเป็นสัญญานที่ดีในการสานต่อโครงการที่เนสเพรสโซ และ Technoserve ได้สร้างขึ้นร่วมกับชุมชนต่างๆ ซึ่งจะทำให้โครงการเข้าถึงเกษตรกรและพื้นที่ต่างๆ ในซูดานใต้ได้มากขึ้น

"การกำเนิดของโครงการนี้ในประเทศซูดานใต้ ช่วยให้เราฟื้นฟูต้นกาแฟที่เสียหายไปในช่วงสงคราม และนับตั้งแต่ที่เราได้เริ่มดูแลต้นกาแฟเองและส่งผลผลิตไปยังโรงบดแบบเปียก ชีวิตของพวกเราก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง" เดเนียล โลโมโร เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟชาวซูดานใต้กล่าว "ตอนนี้เราสามารถมีเงินส่งให้ลูกๆ เข้าศึกษาในโรงเรียนดีๆ และมีสิ่งจำเป็นพื้นฐานของครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเป็นไปได้หากปราศจากการช่วยเหลือด้านเทคนิค เนสเพรสโซ และ TechnoServe ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับเราและสอนเราให้รู้จักพึ่งพาตนเอง"

"นอกจากนี้ เรายังเห็นว่า โครงการดังกล่าวสามารถยกระดับครอบครัว ยกระดับประเทศ และนำสิ่งดี ๆ มาให้เรา" นิโคลัส ทาบัน โซโลมอน เกษตรกรชาวซูดานใต้กล่าว "คนๆ หนึ่งจะไม่ยากจนเหมือนเมื่อก่อน ความยากจนกำลังลดลง และคุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เราจึงขอแนะนำให้ทุกคนปลูกกาแฟเพื่ออนาคต เพื่อการยกระดับประเทศชาติ"

การมีส่วนร่วมของ USAID จะช่วยขยายขอบเขตของโครงการริเริ่มต่างๆที่มีอยู่ เพื่อสนับสนุนภาคเกษตรกรรมที่ปลูกกาแฟในซูดานใต้อย่างครอบคลุมและประสบความสำเร็จ ผ่านการขยายขอบเขตการช่วยเหลือที่จะส่งผลในระยะยาว การอัดฉีดเงินทุนจะทำให้โครงการสามารถเข้าถึงชุมชนใหม่ๆ โดยจะทำให้เกษตรกรในซูดานใต้ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นฟูอุตสาหกรรมกาแฟในประเทศ

แนวคิดดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายกาแฟขึ้น 3 เท่า รวมถึงการปรับปรุงความยืดหยุ่นภายในภาคครัวเรือน ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวตั้งเป้าฝึกอบรมเกษตรกรชาวซูดานใต้ให้ได้ 1,500 คน ภายในปี 2562 โดยในจำนวนนี้จะต้องมีผู้หญิงอย่างน้อย 25% และจะช่วยจัดตั้งโรงบดแบบเปียกในรูปแบบสหกรณ์ให้ได้ 9 แห่ง

"การที่เราลงทุนเพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ ลดปัญหาความยากจนข้นแค้น และมอบความหวังให้กับอนาคตของผู้คนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งอันรุนแรงอย่างซูดานใต้นั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ" ลินดา เอทิม ผู้ช่วยผู้บริหาร USAID ประจำทวีปแอฟริกา กล่าว "USAID กำลังเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังในช่วงเวลาที่เปราะบางและไม่มั่นคงให้เกิดขึ้นในใจของผู้คนในพื้นที่นี้ ภายใต้ความช่วยเหลือของเนสเพรสโซกับบริษัท TechnoServe ที่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในซูดานใต้ เราปรารถนาที่จะเห็นองค์กรอย่างเนสเพรสโซลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว ณ ซูดานใต้ รวมถึงเฝ้ารอที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจและโอกาสในประเทศ"

ความร่วมมือครั้งนี้ยังเติมเต็มเป้าหมายของรัฐบาลสหรัฐในเรื่องความหิวโหยและความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลก ด้วยการมุ่งเน้นเพื่อปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกรรายย่อย โดยโครงการ Feed the Future นี้ ช่วยลดปัญหาความยากจนและภาวะขาดสารอาหาร ผ่านการพัฒนาด้านการเกษตร

"ในการทำงานร่วมกับเราและเนสเพรสโซนั้น เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟของซูดานใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะพัฒนาอนาคตของลูกหลาน ชุมชน และที่สุดคือประเทศชาติ ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใด" วิลเลียม วอร์เชอร์ ประธานและซีอีโอของบริษัท TechnoServe กล่าว "พวกเขาต่างภาคภูมิใจที่ได้แบ่งปันกาแฟสายพันธุ์ท้องถิ่นแก่ชาวโลก รวมถึงสนับสนุนให้เศรษฐกิจของประเทศมีรากฐานที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ด้วยการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นของ USAID กาแฟจึงมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดที่ไม่ใช่น้ำมันสำหรับซูดานใต้ ซึ่งจะส่งผลที่สำคัญในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคต"

กองทุนนวัตกรรมที่ยั่งยืนของเนสเพรสโซ

เนสเพรสโซ ได้จัดตั้งและเปิดตัวกองทุนนวัตกรรมที่ยั่งยืนเพื่อความสะดวกด้านการลงทุนในการฟื้นฟูแหล่งกำเนิดกาแฟ และโครงการห่วงโซ่อุปทานกาแฟที่มียืดหยุ่น ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นมากกว่าการดำเนินธุรกิจทั่วๆ ไปของบริษัท เนสเพรสโซได้ทุ่มเงินลงทุนเบื้องต้นมูลค่า 10 ล้านเดอลลาร์สหรัฐไปกับโครงการห่วงโซ่คุณค่ากาแฟที่เป็นนวัตกรรมใหม่อันเฉพาะเจาะจงภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากนี้ (2559 - 2561)

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมประจำปีไตรมาสที่ 4 ของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กรด้วย

รูปภาพและวิดีโอ: http://www.nestle-nespresso.com/media/mediareleases/USAID-joins-Nespresso-and-TechnoServe-to-Support-South-Sudan-Coffee-Farmers

เกี่ยวกับ เนสท์เล่ เนสเพรสโซ เอสเอ

บริษัท เนสท์เล่ เนสเพรสโซ เอสเอ (Nestle Nespresso S.A.) เป็นผู้บุกเบิกและแบบฉบับกาแฟพรีเมียมที่มีคุณภาพสูงสุด สำนักงานใหญ่ของบริษัทอยู่ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนสเพรสโซเปิดให้บริการใน 64 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 12,000 คน ในปี 2558 บริษัทมีเครือข่ายค้าปลีกที่ร้านจำหน่ายกว่า 400 แห่ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าชมเว็บไซต์เนสท์เล่ เนสเพรสโซ ได้ที่ http://www.nestle-nespresso.com

เกี่ยวกับโครงการคุณภาพที่ยั่งยืนระดับ AAA ของเนสเพรสโซ

http://www.nestle-nespresso.com/sustainability/the-positive-cup/coffee

เกี่ยวกับคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเนสเพรสโซ

http://www.nestle-nespresso.com/sustainability/sustainability-advisory-board/sustainability-advisory-board

เกี่ยวกับ TechnoServe

TechnoServe เป็นผู้นำในการบริหารจัดการของภาคเอกชนเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถปลดปล่อยตนเองจากความยากจน องค์กรซึ่งไม่แสวงหากำไรแห่งนี้ดำเนินงานใน 29 ประเทศ และทำงานร่วมกับผู้เสียสละทั้งหญิงชายในประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อสร้างพื้นที่ทางการเกษตร ธุรกิจ ตลอดจนอุตสาหกรรมต่างๆ ให้สามารถแข่งขันได้ เราช่วยเหลือผู้คนนับล้านเพื่อสร้างความเจริญที่ยั่งยืนให้แก่ครอบครัวและชุมชนผ่านการเชื่อมโยงพวกเขาเหล่านั้นกับข้อมูลต่างๆ และผ่านการเชื่อมโยงเงินทุนและตลาดเข้าไว้ด้วยกัน ในช่วง1 ทศวรรษที่ผ่านมา TechnoServe ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจาก Charity Navigator ซึ่งยกให้เราเป็นอันดับ 1 ขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งได้รับการจัดอันดับทั้งหมด

เกือบ 50 ปีของบทพิสูจน์ TechnoServe เชื่อมั่นในพลังขององค์กรเอกชนที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป http://www.technoserve.org

เกี่ยวกับ USAID

องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ หรือ USAID เป็นหน่วยงานระดับแนวหน้าของรัฐบาลสหรัฐ ที่มีจเป้าหมายในการยุติความยากจนทั่วโลก เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยที่มีความเข้มแข็งและสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ด้วยตระหนักถึงการมีส่วนร่วมด้านกาแฟเพื่อลดปัญหาความยากจนและการพัฒนา USAID จึงอุทิศทรัพยากรที่สำคัญในการปรับปรุงการผลิตและรายได้ของผู้ผลิตกาแฟรายย่อยในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ผ่านโครงการ Feed the Future อันเป็นแนวคิดริเริ่มเกี่ยวกับความหิวโหยและความมั่นคงด้านอาหารของรัฐบาลสหรัฐ โดย USAID เป็นผู้บริจาครายใหญ่ในประเทศซูดานใต้ นอกจากนี้ USAID ยังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการพัฒนามาตั้งแต่เกิดความขัดแย้งล่าสุด เพื่อที่จะช่วยเหลือชาวซูดานใต้ได้รับการเยียวยา (www.usaid.gov)

ที่มา: เนสเพรสโซ