ไออาร์เอสเอ เปิดตัวน้ำมันเคลือบไม้เพื่อเสนอทางออก ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าสำหรับพื้นไม้

ผลิตภัณฑ์น้ำมันเคลือบไม้ที่ได้รับการผลิตโดยแบรนด์ไออาร์เอสเอ (IRSA) จากประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่พื้นผิวไม้ที่เคลือบด้วยแลคเกอร์

"น้ำมันเคลือบสำหรับไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันและสารเพิ่มความแข็งของเรา มีประสิทธิภาพสูงอย่างมาก โดยขั้นตอนการเคลือบน้ำมันนั้นใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเท่านั้นซึ่งรวดเร็วกว่าการเคลือบด้วยแล็คเกอร์ทั่วไป โดยพื้นไม้ที่ได้รับการเคลือบด้วยน้ำมันสามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากแห้งในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เคลือบด้วยแล็กเกอร์ซึ่งต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเคลือบผิวไม้สำหรับพื้นที่ที่ใช้เชิงพาณิชย์ เช่น ภัตตาคารและสำนักงานซึ่งต้องทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" คุณปีเตอร์ เคเกอร์ไมเออร์ ผู้บริหารของบริษัทคอนเซ็ปเวิคส์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ISRA ในประเทศไทยได้กล่าวไว้

นอกจากที่ได้ดำเนินการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสำหรับพื้นไม้ในที่พักต่างๆ ในประเทศไทย เมื่อไม่นานนี้ บริษัทของเขาประสบความสำเร็จในโครงการปรับปรุงสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย จากผลลัพธ์ที่เป็นที่พึงพอใจนี้ เขาจึงมีแนวคิดที่จะใช้โครงการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นทางความคิดสำหรับโครงการใหม่ๆ ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติที่สามารถแสดงความงดงามอันแท้จริงของพื้นไม้ได้

คุณปีเตอร์ได้กล่าวเสริมว่า "เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ตอนผมย้ายมาที่กรุงเทพฯ ผมไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำหรับพื้นไม้หรือผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคนี้เพื่อรักษาพื้นไม้สักในคอนโดมิเนียมของผม ซึ่งในที่สุดผมจึงตัดสินใจนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อนำมาปรับใช้กับคอนโดมิเนียมของตนเอง และพบว่าผลลัพธ์ที่ได้ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นกับลายเนื้อไม้ ตลอดจนมีความสวยงามมากกว่า ผลิตภัณฑ์เคลือบไม้แบบดั้งเดิมในท้องตลาดอย่างมาก ในตอนนั้นผมจึงมองเห็นโอกาสที่ดีในการผนวกการบริการด้วยผลิตภัณฑ์ IRSA เข้าด้วยกันกับธุรกิจการออกแบบภายในของผม ผมได้ค้นพบซัพพลายเออร์ที่มีผลงานอ้างอิงที่ดีเยี่ยมซึ่งไม่เพียงมีน้ำมันเคลือบผิวไม้เท่านั้น แต่ยังมีเทคนิคการทำให้น้ำมันแห้งและแข็งตัวภายในเวลาอันสั้น ทำให้สามารถส่งมอบงานในเวลาอันรวดเร็วที่สุดด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด นอกจากนั้นราคาต่อตารางเมตรของการเคลือบไม้ด้วยน้ำมันเคลือบนั้นยังถูกกว่าวิธีการเคลือบไม้ด้วยแลคเกอร์ชนิดน้ำ เนื่องจากใช้ปริมาณสารเคลือบน้อยกว่าในพื้นที่ขนาดเดียวกัน"

ลักษณะพิเศษของพื้นไม้ที่เคลือบน้ำมันได้แก่:

1. พื้นเคลือบน้ำมันจะมีรูปลักษณ์เป็นธรรมชาติโดยเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เคลือบด้วยแลคเกอร์ น้ำมันจะช่วยส่งเสริมคุณลักษณะของไม้ให้ดูเงางาม มีคุณค่าและเป็นธรรมชาติ

2. พื้นไม้เคลือบน้ำมันจะรักษาคุณลักษณะพิเศษของเนื้อไม้ไว้อย่างดีที่สุด ซึ่งจะทำให้อากาศสามารถผ่านเข้าออกได้ โดยน้ำมันจะแทรกซึมลงไปในรูของเนื้อไม้ แต่จะไม่อุดตันรูเหล่านั้นดังเช่นในกรณีของแลคเกอร์ โดยรูของเนื้อไม้ที่เปิดเช่นนี้จะดูดซับและปล่อยความชื้นในอากาศออกมา ซึ่งเป็นผลดีต่อสภาพอากาศในที่ร่ม ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้ของเหลวไหลเข้าไปในพื้นผิวได้

3. พื้นผิวที่เคลือบน้ำมันจะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสเนื้อไม้โดยตรง เนื่องจากเนื้อไม้จะไม่ได้ถูกปิดทับอยู่ภายใต้ชั้นของแลคเกอร์ จึงได้สัมผัสเนื้อไม้อันแท้จริงขณะเดินอยู่บนพื้นไม้

4. การซ่อมแซมพื้นที่เคลือบน้ำมันนั้นสามารถซ่อมเป็นจุดๆได้ ซึ่งแตกต่างจากกรณีพื้นที่เคลือบด้วยแลคเกอร์ ที่ต้องได้รับการรองพื้นด้วยน้ำยาอีกครั้งในราคาที่แพงแต่พื้นที่เคลือบน้ำมันนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับขัดและเคลือบการรองพื้นไม้ใหม่ด้วยน้ำยาแต่อย่างใดหากมีการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นจึงเป็นการยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ไปในตัว

5. การทำความสะอาดและการบำรุงรักษาของพื้นน้ำมันเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมที่มีส่วนประกอบน้ำมันปริมาณเล็กน้อยซึ่งจะคอยรักษาและปกป้องผิวไม้ ในส่วนของจำนวนครั้งในการเคลือบน้ำมันบำรุงรักษาซ้ำ ขึ้นอยู่กับสภาพการสึกหรอจากการใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อให้พื้นไม้มีสภาพที่ดูใหม่อยู่เสมอ

ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงความทนทานของพื้นไม้ที่เคลือบน้ำมันลักษณะนี้ คือที่ท่าอากาศยานกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งใช้พื้นไม้เคลือบน้ำมันชนิดเดียวกันนี้เป็นเวลานานกว่า 40 ปี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันเคลือบไม้และการใช้งาน โปรดติดต่อ คุณปีเตอร์ที่ [email protected] หรือ www.spark.co.th

• ข่าวอาร์เอสเอ
• ข่าวอาร์เอส
• ข่าวน้ำมัน
• ข่าวธรรมชาติ
• ข่าวน้ำมันเคลือบไม้
• ข่าวคอนเซ็ปเวิคส์
• ข่าวไออาร์เอสเอ
• ข่าวอาร์เอส ฯ