สำหรับ นิสสัน จีที-อาร์ คันที่สร้างสถิติโลกใหม่นี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมงานจาก นิสสัน มอเตอร์สปอร์ต หรือ นิสโม (Nismo) ซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการสร้างรถยนต์สมรรถนะสูง โดยปรับแต่งรถคันนี้ให้มีกำลังถึง 1380 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลังทั้งหมด นอกจากนี้ยังอาศัยความเชี่ยวชาญด้านระบบช่วงล่างอย่าง เกร็ดดี้ ทรัสต์ (GReddy TRUST) ที่ช่วยเตรียมความพร้อมและทำการทดสอบอีกหลายครั้งจนมั่นใจในประสิทธิภาพของรถ และมีการทดสอบจาก มร. คาวาบาตะที่สนามฟูจิ สปีดเวย์ (Fuji Speedway) อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดทำให้รถ จีที-อาร์ ที่ถูกปรับ มีความสุดยอดทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียรทั้งยังสร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขันที่ท้าทายเช่นนี้
มร. ซามีร์เชอร์ฟาน (Samir Cherfan) กรรมการผู้จัดการ นิสสันตะวันออกกลาง กล่าวว่า "นิสสันยังคงท้าทายในการทำลายสถิติโลกกินเนสส์อีกครั้ง และสร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งที่ 5 ในตะวันออกกลาง นิสสัน จีที-อาร์เป็นสุดยอดซูเปอร์คาร์ที่ทำเวลาได้ดีเยี่ยมและมีสมรรถนะเป็นเลิศ โดยพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเหนือใครด้วยการเอาชนะคู่แข่งทั้งหมด ชัยชนะจากการแข่งขันในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นเรื่องที่ภาคภูมิของเรา การร่วมกับแบรนด์นิสโมเพื่อทำลายสถิติโลกที่ทำได้ยากลำบากครั้งนี้ถือได้ว่าสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก"
การแข่งขันดริฟท์ครั้งนี้เลือกใช้สนามบินนานาชาติฟูไจราห์เพราะมีทางวิ่งของเครื่องบิน หรือ รันเวย์ยาวถึง 3 กม. ซึ่งถือว่ามากพอสำหรับการแข่งขัน นิสสันเองต้องการดริฟท์รถด้วยความเร็วกว่า 300กม./ชม.จึงเลือกนักแข่งที่มากด้วยฝีมือและประสบการณ์อย่าง คาวาบาตะ ที่เป็นผู้นำในการแข่งขันดริฟท์ของประเทศญี่ปุ่น
ฯพณฯ โมฮัดเหม็ดอัล ซาลามี (His Excellency Mohammed Al Salami) ประธานสนามบินนานาชาติฟูไจราห์ กล่าวเสริมว่า "เรายินดีมากที่ได้มีโอกาสจัดงานน่าตื่นเต้นเช่นนี้ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้มีชื่อในการทำสถิติโลกกินเนสส์ได้อีกครั้ง ความยิ่งใหญ่นี้สร้างให้ผู้คนและบริษัทมากมายสร้างประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสนามบินนานาชาติฟูไจราห์ต่างช่วยอำนวยความสะดวกในการทำลายสถิติครั้งนี้ พร้อมการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา"
ฯพณฯเชอร์ฟานยังขอบคุณเจ้าหน้าที่สนามบินและผู้บริหารที่ให้การสนับสนุน โดยกล่าวว่า "สนามบินนานาชาติฟูไจราห์เป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับความพยายามทำลายสถิติ อีกทั้งเรายังได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความหมายอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เราต้องจัดเวิร์คชอปในโรงเก็บเครื่องบินแห่งหนึ่งในสนามบินของเรา และมีเวลาแค่ 5 วันในการเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ทั้งซูเปอร์คาร์อย่างนิสสัน จีที-อาร์ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ อะไหล่ ยาง และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องตรวจสอบและทำตามกระบวนการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากทุกคนที่สนามบินนานาชาติฟูไจราห์ไม่ทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยเหลือเราเต็มที่แล้ว เราคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ผมจึงขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง"
นอกจากนี้แล้ว มร. โมฮัดเหม็ดอัลฟาลาซาย (Mohammed Al Falasai) จากสถาบันสอนดริฟท์รถโปรดริฟท์อะคาเดมี (The Prodrift Academy UAE) ให้ความเห็นว่า "โปรดริฟท์อะคาเดมี ร่วมกับนิสสันประจำภาคพื้นตะวันออกกลางภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสถิติโลกกินเนสส์ด้วยการดริฟท์ได้เร็วที่สุด ความขยันขันแข็งและการอุทิศตนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการทำสถิติใหม่ได้ นิสสันจะยังครองตำแหน่งผู้นำการดริฟท์รถในตะวันออกกลางต่อไปโดยได้รับการอบรมจากหลักสูตรของโปรดริฟท์อะคาเดมี"
ช่างเทคนิคของเกร็ดดี้ ทรัสต์ (GReddy TRUST) เตรียมความพร้อมรถยนต์ นิสสัน จีที-อาร์ รุ่นปี 2016 ที่สนามแข่งในช่วง 3 วันก่อนแข่ง และมีโอกาสเพียง 3 ครั้งในการทำลายสถิติตามแนวทางที่สถิติโลกกินเนสส์ระบุไว้อย่างเคร่งครัด การดำเนินการครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากช่างเทคนิคและเจ้าหน้าที่หลากหลายฝ่ายอาทิ โปรดริฟท์อะคาเดมี เรคาโร (Recaro) สำหรับที่นั่งคนขับ เรย์ส (RAYS) สำหรับล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบา และยางโตโย (Toyo Tires) สำหรับยางที่ใช้ดริฟท์ ซึ่งเราออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้'
สำหรับผู้สนใจชมการขับขี่ที่สร่างสถิติโลกในครั้งนี้สามารถรับชมได้ที่
YouTube Link: https://www.youtube.com/watch?v=KTEITmTomII
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit