น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะมีคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุม 26 – 27 เมษายนนี้
อีกทั้งการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มวงเงิน 8.29 หมื่นล้านบาท โดยจะเร่งประมูลภายในมิถุนายนนี้ อีกทั้งการอนุมัติปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้มีเงินเดือน 26,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี และสามารถลดหย่อนเพิ่มเป็น 6 หมื่นต่อคน และหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 1 แสนบาท เริ่มใช้ปีภาษี 2560 ช่วยเพิ่มกำลังซื้อในอนาคต
อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย อาทิ รัสเซียกำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 540 จาก 534 ล้านตัน รวมทั้งเวเนซุเอลาจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันในปีนี้ สู่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน กดดันราคาน้ำมันในอนาคต และปัญหาหนี้สาธารณะของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เพิ่มขึ้นสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 44.13% ของ GDP
ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุน จากคาดการณ์ FED จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5%ในการประชุมระหว่าง 26-27 เมษายน ซึ่งส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
ประกอบกับคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่รวมถึงการเพิ่มกำลังซื้อภาคประชาชน ดังนั้นคาดว่า SET Index จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,430 – 1,440 จุด แนะนำ Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวก เช่น กลุ่มพลังงานทดแทนในวันที่ 21 เม.ย. มีกำหนดการในการจับสลากโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 300 เมกะวัตต์ รองลงมากลุ่มรับเหมา รับอานิสงส์จากการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มวงเงิน 8.29 หมื่นล้านบาท และหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2559 เติบโต ได้แก่ AOT, BA, AAV, EPG, CPF, WORK, SMT และ LPN
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจากแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเนื่องมาจากการเปิดเผยตัวเลขส่งออกของจีนในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 18.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งได้กระตุ้นกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ และตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากแรงหนุนของราคาน้ำมันและตัวเลขเศรษฐกิจของจีนทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในทองคำและย้ายมาลงทุนในตลาดหุ้นแทน
อย่างไรก็ตามราคาทองได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์นี้หลังจากสหรัฐเปิดเผยรายงานตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนมีนาคมลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมีนาคมที่ปรับเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดทำให้คาดการณ์กันว่าเฟดอาจจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ขณะที่ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียและสาขาดัลลัสได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเฟดควรระวังเรื่องการกำหนดเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป ทำให้คาดการณ์กันว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ช่วงวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคสามารถฟื้นตัวผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันขึ้นมาได้ด้วยการสร้างแท่งเทียน BULLISH ทำให้เกิดสัญญาณซื้อแนวขึ้นไหล่ขวาในรูปแบบหัวและไหล่ขึ้นและเป็นรูปแบบขึ้นที่ซ้อนอยู่ในรูปแบบขึ้น ROUNDING BOTTOM ที่ใหญ่กว่า บวกกับค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยให้แนวรับ 1,225-1,220 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์