"ความสุข" เป็นเป้าหมายสูงสุดที่ทุกคนอยากได้ โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่บีบคั้น ทำให้ทุกคนต่างดิ้นรนแข่งขัน และมองค่าของความสุขเป็นสิ่งที่จับต้องได้ คิดกันว่าความสุขผันแปรตามสัดส่วนเงินทองที่มีอยู่ ทั้งที่จริงคนเราสุขได้จากหลายเรื่อง เห็นได้จากผลการสำรวจสุขภาพจิตคนไทยจากกรมสุขภาพจิต พบว่า ความสุขคนไทยในช่วงครึ่งปีหลังค่อยๆ ดีขึ้นจากปัจจัยสำคัญ 3 อย่างคือ มีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความเป็นอยู่ที่ดี
องค์ประกอบของความสุข จึงมาจากจิตที่เป็นสุข ทำให้กายมีพลัง ใจมีกำลังไปใช้ชีวิต และสร้างสิ่งที่ดีให้กับตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง ดังนั้นบริการเดอะวิสดอม ธนาคารกสิกรไทย จึงได้จัดกิจกรรม "THE WISDOM Heritage : สุขอย่างยั่งยืนกับพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" ให้กับลูกค้าเดอะวิสดอม ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย เพื่อให้มีช่วงเวลาที่ได้ตกตะกอนความคิด ความรู้สึก เสริมสร้างพลังกายและใจ
นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่แบกรับความเครียดทั้งภาระหน้าที่การงาน ความคาดหวังจากคนรอบตัว หรือการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา โดยคิดเอาว่า เมื่อเรามีเหมือนคนอื่น หรือเราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เราจะมีความสุข แต่ทุกเป้าหมาย ทำให้เราต้องคิด ต้องหาทาง ทำให้ใจเราถูกใช้งานตลอด
"บริการเดอะวิสดอม ธนาคารกสิกรไทย จึงได้จัดกิจกรรม "THE WISDOM Heritage : สุขอย่างยั่งยืนกับพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" เพื่อทำความเข้าใจ ค้นหาความหมาย และความสุขที่แท้จริง โดยได้นิมนต์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว. วชิรเมธี แสดงเทศนาธรรม และให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้ได้มีช่วงเวลาของความสงบจากความวุ่นวาย ปลดปล่อยความคิดความรู้สึกที่คั่งค้าง หันกลับมาฝึกจิตให้ตั้งมั่น เอาใจกลับมาอยู่ที่ตัวเอง อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตนเอง และน้อมนำหลักธรรม และคำสอนของท่าน ว. วชิรเมธี ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน"
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวว่า การปฏิบัติธรรมเป็นการให้ของขวัญแก่ตัวเอง เพราะทุกอย่างที่เราทำ จะอยู่กับตัวเราเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐล้ำเลิศที่สุด ไม่มีใครสามารถหยิบยื่นให้ได้ ทุกคนที่มาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ โชคดีมากที่สามารถจัดสรรเวลาให้ตัวเองมาปฏิบัติธรรมได้ ทั้งที่ทุกคนติดสุขมานานแสนนาน แต่วันนี้เราพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ มานอนเต๊นท์ มาใส่ชุดขาว ปราศจากเครื่องประดับที่เคยพอกไว้ มาใช้ชีวิตอย่างธรรมดาที่สุด ทุกวันที่เราใช้ไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ อยากทำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่สุด จงชื่นชมตัวเองที่เราฝืนกิเลสได้ในยามปกติ ในหลายครั้งที่เราทุกข์เพราะอยากเป็นคนสำคัญ พอได้เป็นแล้ว คนไม่เห็นความสำคัญก็ทุกข์อีก หรือเราอยากมีสินค้าฟุ่มเฟือย พอไม่มีคนเห็นในสิ่งที่เรามี เราก็ทุกข์อีก เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักปล่อยวางหัวโขนที่เราสวมใส่ไว้ และทำตัวเองให้สบายที่สุด
"คำว่า "กายคตาสติ" แปลว่า "สติพิจารณากาย" การพิจารณากาย จะเริ่มตั้งแต่เบื้องบนไปถึงเบื้องล่าง คือ ปลายผม จรดปลายเท้า และจากเบื้องล่างไปถึงเบื้องบน คือ ปลายเท้าจรดปลายผม โดยแนวทางในการพิจารณาก็คือ การมองอย่างลึกซึ้งด้วยดวงตา คือปัญญาของเราลงไปยังอวัยวะทั้ง 32 ประการ ทีละส่วนๆ อย่างช้าๆ ด้วยความรู้ตัวทั่วพร้อม โดยวัตถุประสงค์เดิมแท้ของการเจริญกายคตาสติ คือ เพื่อให้เรารู้เท่าทันสภาวธรรมอันจริงแท้ของกายว่าเป็นสิ่งปฏิกูล และเป็นสิ่งที่ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เราไม่อาจบังคับได้อย่างที่ประสงค์ เราต้องไม่ยึดติด ถือมั่นว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา"
นอกจากนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ยังได้เพิ่มวัตถุประสงค์ของการการเจริญกายคตาสติ คือการให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้สำรวจสภาพร่างกายว่ามีความเป็นปกติหรือไม่ และดูแลรักษาสุขภาพและร่างกายให้อยู่ในภาวะที่สมดุลทั้งกายและจิดใจ และมีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งนี้ควรระมัดระวังการใช้ร่างกายในชีวิตประจำวันไม่ให้หักโหมจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความทุกข์
ศิลปะแห่งการดำเนินชีวิตแบบมนุษย์ที่มีความสุข ผู้ปฏิบัติต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางหัวโขน หรือสถานภาพทางสังคมกลับมาสู่ความเป็นคนธรรมดาสามัญ ซึ่งการใช้ชีวิตแบบธรรมดาสามัญ จะนำมาซึ่งชีวิตที่มีความสุขที่สุด โดยปัญญาและธรรมะคือ ของจริงที่จะสามารถพาเราไปได้ทุกหนแห่ง หัวโขนและอัตตาเป็นสิ่งสมมติ สามารถใช้กับบางสถานที่และคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทองสถานภาพทางสังคม ในทางกลับกันชีวิตที่ประเสริฐและมีความสุขที่สุด คือ ชีวิตที่แสนสามัญ"
เป็นชีวิตสามัญที่ได้มีเวลากลับมาเรียนรู้ใจ รู้กาย ของตนเอง รู้ว่าสรรพสิ่งก็เป็นเช่นนี้เอง...ชีวิตก็เป็นสุข
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit