สถาบันวิจัยแบลคมอร์ส หวังพัฒนาแพทย์แบบผสมผสาน เน้นให้ความรู้ด้านสารอาหาร วิตามิน และสมุนไพรเพื่อดูแลตัวเอง

16 Oct 2015
ปัจจุบันการแพทย์แบบผสมผสาน (Complementary Medicine) เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
สถาบันวิจัยแบลคมอร์ส หวังพัฒนาแพทย์แบบผสมผสาน เน้นให้ความรู้ด้านสารอาหาร วิตามิน และสมุนไพรเพื่อดูแลตัวเอง

บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้ร่วมกับ สถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย จัดการประชุมวิชาการ "Integrating Complementary Medicine into Pharmacy – An Evidence Based Approach" ให้เภสัชกรและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี มร.มาร์คัส แบลคมอร์ ประธานบริหาร บริษัท แบลคมอร์ส จำกัด เป็นประธาน รวมถึงยังได้รับเกียรติจาก ดร.เลสลี่ บรอน, มิสแคทเทอลีน คูลลิ่ง, ดร.ภก.ศรัณย์ กอสนาน, นพ.กฤษดา ศิรามพุช และดร.โจอันนา ฮาร์เนท ร่วมเป็นวิทยากร ณ ห้องบอลรูม โรงแรม เดอะ แลนด์มาร์ค สุขุมวิท

คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดี เน้นการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ตลอดจนการดูแลตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และสำหรับแบลคมอร์สนั้น เภสัชกรถือว่ามีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจในการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคโดยตรง จึงได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส จากประเทศออสเตรเลีย จัดประชุมวิชาการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ สมุนไพรตามธรรมชาติ เพื่อให้กับเภสัชกร บุคลากรทางการแพทย์ทั้งในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงสาระความรู้ในการประชุมนี้ได้ถูกนำเสนอต่อสภาเภสัชกรรมเพื่อบันทึกคะแนนการศึกษาต่อเนื่องสำหรับการต่อใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมดร.เลสลี่ บรอน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า หน้าที่ของสถาบันฯคือทำวิจัย เพื่อศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการของการแพทย์แบบผสมผสาน (Complementary Medicine) ร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งสถาบันวิจัยแบลคมอร์ส เน้นให้ความรู้ด้านสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ สมุนไพรจากธรรมชาติที่ผ่านงานวิจัย สามารถอ้างอิงจากหลักฐาน ให้กับเภสัชกร แพทย์ ผู้ที่อยู่ในวงการเภสัชกรรม เพื่อให้ความรู้เหล่านี้ออกสู่สาธารณะและเป็นประโยชน์ต่อสังคม สำหรับการเลือกใช้แพทย์แบบผสมผสานจะช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา รวมถึงหากรักษาร่วมกับยา บางครั้งจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า เช่น การใช้ยาลดคอลเลสเตอรอล ควบคู่กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภท Fish oil จะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นมากมาย จะส่งผลดีต่อการพัฒนาและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า การแพทย์แบบผสมผสานมีความเกี่ยวข้องกับอายุรวัฒน์ โดยตนเรียกว่าเป็นแพทย์ทางร่วม เพราะทุกคนสามารถทำให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดีได้ ให้ความสำคัญกับการกิน อยู่ และป้องกันโรค ปัจจุบันผู้คนหันมาดูแลตนเองมากขึ้น ขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพแบบง่ายๆดังนี้ กลุ่มวัยทำงาน จะใช้พละกำลังและสมองในการทำงาน แต่ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ จะรับประทานอาหารปรุงสำเร็จแบบซ้ำๆ รับประทานผักในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งในความเป็นจริงร่างกายของมนุษย์ ควรรับประทานผักอย่างน้อย 5 กำมือต่อวัน ส่งผลให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นตัวช่วยหนึ่งคือเสริมด้วย วิตามิน A , C กลุ่มเบต้าแคโรทีน และน้ำมันปลา กลุ่มคนชอบออกกำลังกาย เป็นกลุ่มที่ต้องใช้พลังงาน ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ จึงมีความจำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารประเภทโปรตีน กรดอะมิโน นมวัว เนื้อปลา เนื้ออกไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ วิตามิน B รวมถึงคนกลุ่มนี้ต้องการพลังงาน ซึ่งสารอาหารที่จะช่วยได้นั้นประกอบด้วย ธาตุเหล็ก โฟลิค นอกจากนี้จะต้องเสริมด้วยไขมันดีอย่าง น้ำมันปลา เพื่อให้ได้รับสาร DHA และEPA จะช่วยลดการอักเสบให้กับไขข้อ ส่วนกลุ่มผู้บริหาร เป็นกลุ่มที่ใช้สมองมาก จำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามินวิตามิน B น้ำมันปลา และผักใบเขียว ที่ช่วยเรื่องระบบประสาท และกลุ่มของ Anti-Oxidant เพื่อต้านอนุมูลอิสระจากความเครียดและเหนื่อยล้า"ทั้งนี้ การเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อมาช่วยร่างกายนั้น ต้องเลือกที่ปลอดภัยผ่านงานวิจัยและได้มาตรฐาน ซึ่งนอกจากวิตามินและสารอาหารที่ดีแล้วการนอนหลับก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกัน" ผู้อำนวยการ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวในที่สุด