เรื่องย่อ: บุรำปรัมปรา

29 Oct 2015
บทประพันธ์ พงศกร"เด็กน้อยในอ้อมแขนแข็งแรงของแสนสมุทร สวมชุดโยคีลายเสือขาวผ่องราวทองทา ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราบนหน้าผากมีอุณาโลมสีแดงสดแต้มไว้บนศีรษะมีชฎาทำด้วยหนังเสืออันเล็กๆสวมผมจุกที่มุ่นเอาไว้กลางกระหม่อมมีปิ่นทองคำปักอยู่แม้จะไม่ได้สติ หากมือข้างหนึ่งยังกำไม้เท้ารูปทรงประหลาดตาเอาไว้แน่น ... เด็กน้อยผู้นี้แต่งกายถูกต้องตรงตามที่ท่านสุนทรภู่บรรยายเอาไว้ในพระอภัยมณีไม่มีผิดเพี้ยน!"

นับดาว นักเขียนนวนิยายสาวสวยไฮโซ บุตรสาวของ อาจณรงค์ เจ้าของห้างสรรพสินค้ากาแล็กซี่ พบว่าคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานด้วยกันในอีกไม่นาน ดันไปอยู่บนเตียงกับชายอื่น นับดาวเสียใจจนไม่เป็นอันเขียนนวนิยาย แม้จะถูกทางสำนักพิมพ์ทวงถามก็ตาม ระรินดา เพื่อนสนิทของนับดาว จึงเสนอให้นับดาวหลบมาพักที่เกาะกาวินเพื่อรักษาแผลใจให้หาย จะได้เขียนนวนิยายได้ ระรินดาติดต่อมาหา แสนสมุทร เพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ต่างประเทศด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูระดับห้าดาวที่เกาะกาวิน เพื่อให้รับนับดาวมาพัก โดยมีข้อแม้ว่าแสนสมุทรจะต้อง "แอบ" ดูแลนับดาวอย่างใกล้ชิด เพราะระรินดากลัวว่านับดาวจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย

นับดาวเดินทางมาถึงเกาะกาวิน พร้อมกับข้าวของแบรนด์เนมมากมายที่ขาดไม่ได้จนต้องขนมาด้วย แสนสมุทรที่แอบดูอยู่ยังนึกค่อนขอดว่านับดาว "เว่อร์" ได้ใจมากๆ วันแรก ขณะที่นับดาวพักอยู่ในรีสอร์ท ก็เกิดพายุใหญ่ใหญ่เข้าถล่มเกาะกาวิน นับดาวเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังถูกคลื่นซัดใกล้จม จึงรีบวิ่งออกไปช่วย แสนสมุทรรีบตามออกไปห้ามเพราะเข้าใจผิดว่านับดาวกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปช่วยเด็ก จึงออกไปช่วยด้วยกัน เด็กชายคนนั้นบอกทั้งคู่ว่าเขาชื่อ สุดสาคร ก่อนจะหมดสติไป

นับดาวตกตะลึงเพราะเด็กน้อยแต่งกายเหมือนที่ท่านกวีเอก สุนทรภู่ รจนาไว้ในวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ไม่มีผิด ทว่าแสนสมุทรไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก จึงไม่สันทัดเรื่องวรรณคดีไทยเท่าไรนัก จึงไม่รู้จักว่าสุดสาครเป็นใคร ตอนแรกทั้งนับดาวและแสนสมุทรต่างก็ไม่เชื่อว่าสุดสาครจะเป็นตัวจริงเสียงจริง ทันใดนั้น ทั้งนับดาวกับแสนสมุทรก็ถูกโจมตีจากผีเสื้อยักษ์ นับดาวนึกถึงคำกลอนของสุนทรภู่ได้ จึงคว้าไม้เท้าของสุดสาครมาใช้ป้องกันตัว และสามารถกำจัดผีเสื้อยักษ์ได้สำเร็จ ทั้งคู่ต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ได้พบ แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ แสนสมุทรกับนับดาวจึงตกลงกันว่าจะพาสุดสาครไปดูแลที่รีสอร์ทก่อนเป็นการชั่วคราว

เมื่อนับดาวกลับไปถึงห้องพัก ก็ตกใจมาก เพราะว่าข้าวของแบรนด์เนมทั้งหมดที่เธอขนติดตัวมาด้วย ได้แปรสภาพเป็นของราคาถูกไปหมด นับดาวโวยวายกับกับพนักงานว่าของแบรนด์เนมของเธอถูกขโมยไป แต่พนักงานยืนยันว่าข้าวของทั้งหมดนั้นเป็นของนับดาว นับดาวออกอาการเหวี่ยงใส่ ทว่าพนักงานยืนกรานว่านับดาวเป็นเพียงนักเขียนที่ทางนิตยสารส่งมาทำสกู๊ปเรื่องเกาะกาวินเท่านั้น นับดาวนึกได้ว่าแสนสมุทรเป็นเจ้าของรีสอร์ท จึงรีบไปขอความช่วยเหลือทันที ด้านแสนสมุทรเองก็เจอปัญหาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านับดาว เพราะรีสอร์ทที่เคยเป็นของเขา กลับมีชายที่ชื่อว่า ตรีลังกา มังคลาวงศ์ มาครอบครองแทน แม้แต่ อัครา พนักงานคนสนิท ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจำเขาได้แม้แต่น้อย แม้แต่ใบอนุญาตสัมปทานของเกาะก็ยังเป็นชื่อของตรีลังกา นับดาวเริ่มเห็นความผิดปกติ จึงบอกแสนสมุทรให้ถอยมาตั้งหลักกันก่อน

ทั้งคู่กลับมานั่งปรึกษากันในห้องพัก นับดาวนึกถึงระรินดาขึ้นมาได้ จึงโทรไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ระรินดาเพื่อนรักของนับดาว ก็กลับกลายเป็นเจ้าของนิตยสารจอมโหดที่นับดาวทำงานให้ มิหนำซ้ำระรินดาก็ไม่รู้จักแสนสมุทร แต่กลับเป็นคนรักเก่าของตรีลังกาที่เมืองนอก ระรินดายืนยันว่าเป็นคนส่งนับดาวให้มาทำสารคดีที่เกาะกาวิน และนับดาวก็เป็นเพียงนักเขียนไส้แห้ง ลูกของ อาจณรงค์ ครูสอนภาษาไทยจนๆ กับ ดารารัตน์ แม่บ้านต๊อกต๋อยเท่านั้น ด้านแสนสมุทรที่หาข้อมูลของตรีลังกาจากอินเทอร์เน็ต ก็ได้คำตอบไม่ต่างจากที่รู้มา และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือแสนสมุทรในโลกนี้ กลายเป็นนายทหารเรือหนุ่มที่ถูกให้ออกจากราชการเพราะยิงปืนใหญ่ใส่พวกเดียวกันเอง!!! ไม่ว่าทั้งคู่จะพยายามพิสูจน์ความจริงสักเท่าใด ก็ได้คำตอบแค่เพียงว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมที่ทั้งคู่เคยรู้จักอีกแล้ว แต่ที่ทั้งคู่ไม่เข้าใจก็คือเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อสุดสาครฟื้นขึ้นมา ก็ถามหาหัสไชยกับเสาวคนธ์ พอเห็นนับดาวกับแสนสมุทรมัวแต่อ้ำอึ้งด้วยความตกใจที่เห็นสุดสาครพูดออกมาเป็นคำกลอนทั้งหมด สุดสาครจึงใช้ไม้เท้าแผลงฤทธิ์จนทั้งคู่เชื่อว่าเป็นสุดสาครตัวจริง นับดาวเล่าเหตุการณ์ในวรรณคดีให้แสนสมุทรฟังว่าหลังจากสุดสาครต่อสู้กับผีเสื้อยักษ์และช่วยหัสไชยกับเสาวคนธ์ได้สำเร็จ สุดสาครก็เดินทางไปพบกับพระอภัยมณีที่เมืองผลึกเป็นที่เรียบร้อย แสนสมุทรแย้งว่าไม่มีทางเรียบร้อยแน่ เพราะสุดสาครยังอยู่ที่นี่ นับดาวเอะใจ รีบโทรกลับไปถามดารารัตน์ว่าเหตุการณ์หลังจากสุดสาครออกจากเมืองการเวกเป็นอย่างไรต่อไป ก็ได้คำตอบชวนตะลึงว่าท่านกวีเอกสุนทรภู่แต่งค้างไว้เพียงเท่านั้น!!! ทั้งคู่จึงสรุปว่าการที่สุดสาครหลุดออกมาจากวรรณคดี ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นวิธีแก้ไขก็คือ หาทางส่งสุดสาครกลับไปให้เร็วที่สุด

นับดาวกับแสนสมุทรพาสุดสาครไปส่งตรงที่เดิมที่พบกับสุดสาคร สุดสาครเรียกม้านิลมังกรให้ออกมาปรากฏกาย แสนสมุทรกับนับดาวตกตะลึงที่ได้เจอม้านิลมังกรตัวเป็นๆ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าโลกจริงกับโลกวรรณคดีมาเชื่อมต่อกันได้อย่างไร สุดสาครอำลาแสนสมุทรกับนับดาวไปเพื่อตามหาหัสไชยกับเสาวคนธ์ สองหนุ่มสาวโล่งอกเพราะคิดว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียที ทว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น วันรุ่งขึ้น นับดาวถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า และถูกไล่ให้ออกจากเกาะทันที นับดาวได้เจอกับแสนสมุทรที่ถูกไล่ออกจากเกาะเหมือนกัน แสนสมุทรตัดสินใจพานับดาวกระโดดลงจากเรือกลับไปยังเกาะกาวิน เพราะหากออกไปจากเกาะกาวินแล้ว อาจจะไม่มีโอกาสพบกับสุดสาครเพื่อแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดได้อีก

แสนสมุทรพานับดาวไปซ่อนตัวอีกฟากหนึ่งของเกาะ ซึ่งเป็นฝั่งที่พักของพวกพนักงานและมีบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มตั้งอยู่ ณ ที่นั้นทั้งคู่ได้พบกับ นอบน้อม พี่เลี้ยงของแสนสมุทร แสนสมุทรตกใจมากเพราะในโลกเดิมนั้น ป้านอบน้อมตายไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขาแล้ว แสนสมุทรแนะนำนับดาวกับป้านอบน้อมว่าเป็นเมีย ป้านอบน้อมจึงเตือนว่าให้ระวังตรีลังกาจะแย่งเมียไปอีก แสนสมุทรถึงกับงง เพราะตนไม่เคยมีเมียมาก่อน ป้านอบน้อมสงสาร คิดว่าแสนสมุทรเอ๋อ จึงเล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง

เกาะกาวินนั้นอยู่ในเขตปกครองของประเทศศรีลังกา ฉะนั้นเมื่อพ่อแม่ของแสนสมุทรจะทำธุรกิจบนเกาะแห่งนี้ จึงต้องมีชาวศรีลังกาถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่งด้วย พันแสง พ่อของแสนสมุทร จึงเชิญ มีฤทธิ์ มังคลาวงศ์ พ่อของตรีลังกา ซึ่งมีเชื้อสายกษัตริย์ของศรีลังกา มาเป็นหุ้นส่วนแบบลอยๆ ทว่าเหตุการณ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อน ทำให้พ่อกับแม่ของแสนสมุทรเสียชีวิต ตัวแสนสมุทรเองก็ไม่ยอมรับมรดก จึงเซ็นยกหุ้นของรีสอร์ทให้ สุภัชชา ภรรยาของแสนสมุทรไป ทว่าสุภัชชาไม่ถนัดการบริหารงานรีสอร์ตนัก ตรีลังกาจึงถูกส่งตัวมาช่วยบริหารงาน ด้วยความใกล้ชิด ตรีลังกากับสุภัชชาจึงจดทะเบียนสมรสกัน ทว่าสุภัชชารู้ดีว่าที่ตรีลังกาแต่งงานด้วยก็เพราะอยากได้หุ้นของรีสอร์ทเกาะกาวิน สุภัชชาจึงไม่ยอมเซ็นชื่อโอนหุ้นให้กับตรีลังกา ตอนนี้สุภัชชาเสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทั้งทิ้งพินัยกรรมที่ระบุว่าจะยกหุ้นของเธอคืนให้กับแสนสมุทรทั้งหมดไว้ แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ยังไม่มีใครค้นหาพินัยกรรมฉบับนั้นเจอ ป้านอบน้อมจึงยุให้แสนสมุทรค้นหาพินัยกรรมให้พบ แล้วทวงสิทธิ์ในการบริหารเกาะกาวินคืนมาจากตรีลังกา

ป้านอบน้อมได้ยินแสนสมุทรกับนับดาวพูดถึงสุดสาคร ก็แปลกใจว่าทำไมช่วงนี้ใครต่อใครถึงได้มาตามหาเด็กที่ชื่อสุดสาครกัน แสนสมุทรกับนับดาวแปลกใจว่าป้านอบน้อมพูดถึงใคร ป้านอบน้อมจึงพาทั้งคู่ไปพบกับ ชีเปลือย ที่ออกมาตามสุดสาครให้กลับไปเข้าเรื่องพระอภัยมณีเหมือนเดิม เพราะหลังจากสุดสาครไปไม่ถึงเมืองผลึก เรื่องราวพระอภัยมณีต่อจากนั้นก็บิดเบือนไปหมด เมื่อไม่มีสุดสาครไปแก้อาถรรพณ์รูปของนางละเวงวัณฬา พระอภัยมณีจึงหลงรูปนางละเวงจนวางอาวุธยอมแพ้กองทัพเมืองลังกา จับพระมเหสีสุวรรณมาลีส่งให้เป็นเชลย แล้วอภิเษกกับนางละเวงวัณฬาอย่างมีความสุข แต่กลับทำให้คนอื่นในเรื่องวุ่นวายไปกันหมด นับดาวรับไม่ได้ที่เรื่องราวในวรรณคดีเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ จึงตัดสินใจร่วมมือกับชีเปลือยเพื่อออกตามหาสุดสาครให้พบ แสนสมุทรไม่มีทางเลือกจึงต้องร่วมทีมไปด้วย

อาจณรงค์ พ่อของนับดาว ถูกเจ้าหนี้ตามล่า จึงบุกมาหานับดาวถึงรีสอร์ทที่เกาะกาวิน เพราะต้องการขอเงินไปใช้หนี้ ตรีลังกายืนยันว่าเขาส่งนับดาวกลับขึ้นฝั่งไปแล้ว แต่อาจณรงค์ไม่เชื่อเพราะเขาจับตาดูอยู่ที่ท่าเรือฝั่งโน้น แต่ไม่เห็นนับดาวขึ้นจากเรือแต่อย่างใด อาจณรงค์ต้องค้างที่เกาะหนึ่งคืน เพราะตรีลังกาไม่ยอมไปส่งที่ฝั่ง เนื่องจากกำลังจะมีฝนตกหนัก อาจณรงค์จึงถือโอกาสสำรวจเกาะไปในตัว อาจณรงค์ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ของรีสอร์ทและได้พบกับสุดสาครและม้านิลมังกรที่กลับมาตามหานับดาวและแสนสมุทร อาจณรงค์แนะนำตัวกับสุดสาครว่าเป็นพ่อของนับดาว ขณะเดียวกันพนักงานของรีสอร์ทต่างกรูกันออกมาจับตัวสุดสาคร สุดสาครจึงพาตัวอาจณรงค์หลบหนีไปด้วยกัน

ตรีลังกาเป็นกังวลกับเรื่องของสุดสาคร เพราะในตระกูลของเขามีคำทำนายที่เล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อใดที่กุมารน้อยซึ่งนุ่งห่มหนังเสือปรากฏกายขึ้น ให้ระวังให้จงดี มิฉะนั้นตระกูลมังคลาวงศ์จะสิ้นวงศ์

ตรีลังกากลุ้มใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร จึงโทรศัพท์ไปปรึกษามีฤทธิ์ ผู้เป็นบิดา มีฤทธิ์สั่งให้ตรีลังกาจัดการสังหารสุดสาครเสียก่อนที่สุดสาครจะจัดการพวกเขา มีฤทธิ์ส่งตัว ย่องตอด อมนุษย์ที่เป็นภูตรับใช้มาช่วยตรีลังกาจัดการกับสุดสาครทันที

กลุ่มของนับดาวได้พบกับสุดสาครกับอาจณรงค์จนได้ ชีเปลือยดีใจมากที่ได้พบสุดสาคร แต่สุดสาครยังไม่ค่อยไว้ใจชีเปลือยเท่าไร เพราะเคยถูกชีเปลือยหลอกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นับดาวช่วยยืนยันว่าชีเปลือยมาช่วยพาสุดสาครกลับไปหาหัสไชยและเสาวคนธ์จริงๆ ชีเปลือยบอกว่าการที่จะพาสุดสาครกลับเข้าสู่เรื่องพระอภัยมณีได้ จำเป็นต้องหาให้พบก่อนว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำให้สุดสาครหลุดออกมาจากโลกวรรณคดี และคนผู้นั้นทำไปด้วยเหตุผลใด ป้านอบน้อมเห็นเมฆมนตร์พุ่งลิ่วแหวกอากาศเบื้องบนมา สุดสาครเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้ทุกคนรีบเข้าหาที่กำบังทันที

เมฆมนตร์นั้นคือย่องตอดที่เดินทางมายังเกาะกาวินตามคำสั่งของมีฤทธิ์ มีฤทธิ์นั้นเป็นผู้สืบทอดวิชาไสยเวทย์มาจากบรรพบุรุษ และต้องการจะให้ตรีลังกาผู้เป็นบุตรชายคนเดียวสืบทอดวิชานี้ต่อไป ทว่า เกนหลง มารดาชาวไทยของตรีลังกา ไม่เห็นด้วย จึงพยายามกันตรีลังกาไม่ให้เรียนวิชาไสยเวทย์เหล่านั้น ย่องตอดแจ้งข่าวกับตรีลังกาว่าเห็นสุดสาครกับพวกหลบอยู่ที่ท้ายเกาะกาวิน ตรีลังกาจึงสั่งให้ย่องตอดพาตัวสุดสาครไปส่งให้มีฤทธิ์เป็นคนจัดการ แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นไม่เกี่ยวข้องเป็นอันขาด ย่องตอดรับคำสั่งก่อนจะหายตัวไปทันทีสุดสาครวางมาตรการให้ทุกคนซ่อนตัวอยู่แต่ในที่พัก ห้ามออกไปข้างนอกเป็นอันขาดเนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน ทุกคนหารือกันจนได้ข้อสรุปว่าผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการที่สุดสาครไปไม่ถึงเมืองผลึก ก็คือพวกตระกูลมังคลาวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจากพระมังคลา บุตรของพระอภัยมณีกับนางละเวงวัณฬานั่นเอง ระหว่างที่ทุกคนกำลังหารือกันนั้น ย่องตอดก็ใช้มนตร์สะกดให้ทุกคนหลับใหล ก่อนจะบุกเข้ามาสังหารสุดสาคร ทว่าสุดสาครนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ย่องตอดจึงไม่สามารถฆ่าสุดสาครได้ ย่องตอดจนปัญญา จึงพาตัวสุดสาครไปให้มีฤทธิ์จัดการแทน เมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมาเห็นสุดสาครหายตัวไป ต่างก็ร้อนใจมาก ชีเปลือยเชื่อว่าเป็นฝีมือของย่องตอด นับดาวเล่าให้ทุกคนฟังว่าย่องตอดเป็นบริวารของนางละเวงวัณฬา และสาเหตุที่ยอมเป็นบริวารของนางละเวงก็เพราะว่านางละเวงมีของวิเศษคือตราพระราหูนั่นเอง อาจณรงค์ฟันธงว่าการที่สุดสาครพลัดหลงจากวรรณคดีมาได้นั้น น่าจะเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของตราพระราหูอย่างแน่นอน

นับดาว แสนสมุทรและชีเปลือยจึงรับหน้าที่ไปช่วยเหลือสุดสาครจากเงื้อมมือของมีฤทธิ์ที่ประเทศศรีลังกาโดยที่ขี่ม้านิลมังกรไปที่คฤหาสน์ของมีฤทธิ์ที่ประเทศศรีลังกา เกนหลงได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในห้องทำงานของมีฤทธิ์ ด้วยความสงสัย เกนหลงจึงเปิดเข้าไปดูและพบสุดสาครถูกมัดอยู่ สุดสาครขอความช่วยเหลือจากเกนหลง แต่ย่องตอดออกมาห้ามไว้ เกนหลงรู้ดีว่าเหล่าอมนุษย์ของมีฤทธิ์ไม่กล้าทำอะไรเธอ เพราะเป็นคำสั่งของมีฤทธิ์ เธอจึงพาตัวสุดสาครหนีไปซ่อนที่อื่นที่มีฤทธิ์ไม่มีวันคิดถึง ด้านนับดาว แสนสมุทรและชีเปลือยก็เดินทางมาถึงศรีลังกาโดยสวัสดิภาพ แสนสมุทรกับนับดาวจับชีเปลือยโมดิฟายด์เสียใหม่เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา ก่อนจะพากันเข้าไปพักในโรงแรม ชีเปลือยใช้เวทมนตร์ที่มีอยู่น้อยนิดเสกให้พนักงานโรงแรมไม่สงสัย แสนสมุทรกับนับดาวทิ้งชีเปลือยไว้ที่โรงแรม แล้วออกไปสำรวจหาบ้านพักของมีฤทธิ์ด้วยกัน

มีฤทธิ์โทรศัพท์มาหาตรีลังกาเพื่อแจ้งข่าวว่าเกนหลงช่วยสุดสาครหนีไป ตรีลังกาไม่เข้าใจว่าสุดสาครมีความสำคัญอย่างไร มีฤทธิ์จึงเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง และยังเล่าด้วยว่าในวันที่สุดสาครปรากฏตัวขึ้นนั้น เป็นเพราะตราพระราหูได้สำแดงอิทธิฤทธิ์นั่นเอง ตรีลังกาเริ่มเข้าใจความสำคัญของการกำจัดสุดสาครเสีย มีฤทธิ์ถามตรีลังกาว่าถ้าหากเกนหลงจะพาสุดสาครไปซ่อนตัว เกนหลงจะพาไปที่ไหน ตรีลังกาครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ได้คำตอบ

ระรินดามาหาตรีลังกาที่เกาะกาวิน ตรีลังกาเชื่อว่านับดาวกับแสนสมุทรเป็นคู่รักกัน และนัดแนะกันมาที่เกาะกาวินเพื่อค้นหาพินัยกรรมของสุภัชชา ตรีลังกาจึงขอให้ระรินดาช่วยหลอกถามนับดาวว่าพินัยกรรมถูกซ่อนไว้ที่ไหน ระรินดายินดีช่วยเหลือตรีลังกาเต็มที่ เพราะเธอหวังในตัวตรีลังกาอยู่ ทั้งคู่ตามไปที่บ้านพักอีกฟากของเกาะ แต่ไม่พบนับดาวกับแสนสมุทร ตรีลังกากับระรินดาข่มขู่ป้านอบน้อมกับอาจณรงค์ให้บอกว่าแสนสมุทรกับนับดาวหายไปไหน อาจณรงค์หลุดปากบอกว่าทั้งคู่ไปช่วยเด็ก ตรีลังการู้ทันทีว่าทั้งคู่ไปช่วยสุดสาครที่ศรีลังกาเป็นแน่ ตรีลังกาจึงสั่งให้พนักงานที่รีสอร์ทควบคุมตัวป้านอบน้อมกับอาจณรงค์เอาไว้ก่อน

แสนสมุทรกับนับดาวตามไปถึงบ้านพักของมีฤทธิ์ และใช้อุบายหลอกคนเฝ้าประตูบ้านจนสามารถเข้าไปในบริเวณบ้านของมีฤทธิ์ได้สำเร็จ ทั้งคู่แอบได้ยินมีฤทธิ์ดุด่าลูกน้องที่ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้เกนหลงพาสุดสาครหนีไปได้ สองหนุ่มสาวจึงวางแผนจะให้ม้านิลมังกรตามหาสุดสาคร โดยตามกลิ่นของเกนหลงจากผ้าเช็ดหน้าที่แสนสมุทรบังเอิญเก็บได้ไป ม้านิลมังกรพานับดาว แสนสมุทรและชีเปลือยมาถึงวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่เมืองแคนดี้ เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกา ทั้งสามคนจึงบุกเข้าวัดไปหาตัวสุดสาครทันที นับดาวกับแสนสมุทรได้พบกับเกนหลงในวัด ตอนแรกเกนหลงก็ยังไม่เชื่อใจทั้งคู่ เพราะกลัวว่าจะเป็นคนของมีฤทธิ์ แต่เมื่อเห็นชีเปลือยปรากฏตัวขึ้น เกนหลงก็เชื่อสนิทใจทันที

เกนหลงพาทั้งสามคนไปพบสุดสาครที่หลบซ่อนอยู่ในวัด สุดสาครดีใจมากที่ได้พบกับแสนสมุทรและนับดาวอีกครั้ง นับดาวและแสนสมุทรบอกกับเกนหลงว่าจะต้องพาสุดสาครหนีไปอีกครั้ง เพราะมีฤทธิ์กำลังจะตามมาที่นี่ เกนหลงถามทั้งสามว่าจะทำอย่างไรต่อไป นับดาวบอกว่าต้องตามหาตราพระราหูให้พบ แต่เกนหลงไม่เคยได้ยินมีฤทธิ์พูดถึงตราพระราหูมาก่อน ทุกคนขอให้เกนหลงช่วยคิดว่ามีฤทธิ์จะเก็บของสำคัญแบบนี้ไว้ที่ไหน เกนหลงมั่นใจว่ามีฤทธิ์เก็บตราพระราหูไว้ที่สิคีริยาอย่างแน่นอน พวกนับดาวตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นทันทีก่อนที่มีฤทธิ์จะตามมาถึงที่นั่น ขณะที่เกนหลงอาสาถ่วงเวลามีฤทธิ์ไว้ให้ก่อน

เมื่อออกจากวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว คณะของนับดาวก็ถูกโจมตีจากย่องตอดที่ซุ่มดักรออยู่ภายนอก ย่องตอดต้องการจับตัวสุดสาครไปให้มีฤทธิ์ ชีเปลือยจึงเสียสละด้วยการเข้าไปต่อสู้กับย่องตอด ทั้งคู่จมไปในทะเลสาบและหายสาบสูญไป แม้ทุกคนจะเสียใจกับการจากไปของชีเปลือย แต่ก็ยังต้องเดินหน้าทำภารกิจต่อไปเพื่อไม่ให้การเสียสละของชีเปลือยเสียเปล่า ทุกคนจึงมุ่งหน้าสู่สิคีริยาทันที

มีฤทธิ์ตามมาถึงวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมื่อตะโกนหาย่องตอด แต่ย่องตอดก็ไม่ปรากฏตัวเหมือนเคน มีฤทธิ์เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาจึงรีบเข้าไปหาเกนหลงในวัดทันที เกนหลงพยายามเกลี้ยกล่อมให้มีฤทธิ์ปล่อยวาง มีฤทธิ์ไม่ยอมฟัง คาดคั้นจะเอาคำตอบจากเกนหลงให้ได้ว่าสุดสาครอยู่ที่ไหน แต่เกนหลงไม่ยอมปริปากบอก ทันใดนั้น ตรีลังกากับระรินดาก็ปรากฏตัวขึ้น ตรีลังกาบอกมีฤทธิ์ว่าเขาคาดคั้นเอาคำตอบจากอาจณรงค์กับนอบน้อมจนได้ความว่า พวกนับดาวกำลังตามหาตราพระราหูอยู่ มีฤทธิ์ ตรีลังกาและระรินดาจึงรีบเดินทางตามพวกนับดาวไปที่สิคีริยาทันที

นับดาว แสนสมุทรและสุดสาครเดินทางจากบนเขาสิคีริยาลงไปยังถ้าด้านล่างเชิงเขาซึ่งมีชื่อว่าสิบสองท้องพระคลัง ซึ่งนับดาวเชื่อว่ามีฤทธิ์น่าจะเก็บของสำคัญไว้ในนั้น สุดสาครรู้สึกได้ถึงอันตรายในบริเวณนั้น ทันใดนั้นก็มีลูกธนูไฟเวทย์มนตร์พุ่งออกมาจากถ้ำทั้งสิบสอง ทั้งสามคนต่างหาที่หลบกันจ้าละหวั่น นับดาวพยายามนึกว่ามีตัวละครใดในเรื่องพระอภัยมณีที่ใช้ธนูไฟเวทย์มนตร์บ้าง ในที่สุดหญิงสาวก็นึกออกว่ามีตัวละครที่ชื่อว่ามะหุดซึ่งมีอิทธิฤทธิ์เป็นไฟกรดที่สามารถกัดกร่อนทุกอย่างได้เหมือนน้ำกรด สุดสาครมอบลูกตาของผีเสื้อยักษ์ให้นับดาวกับแสนสมุทรไว้คุ้มครองป้องกันภัย แสนสมุทรถูกไฟกรดของมะหุดเข้าอย่างจัง ไฟลุกไหม้ทั่วตัวแสนสมุทร แต่ไฟกรดทำอะไรแสนสมุทรไม่ได้เพราะแสนสมุทรมีลูกตาผีเสื้อยักษ์คุ้มกันอยู่ ทว่าไฟกรดนั้นไม่สามารถใช้น้ำธรรมดาดับได้ จำเป็นต้องใช้น้ำฝนดับไฟกรดเท่านั้น สุดสาครลองเรียกฝนตามที่นับดาวขอร้อง ฝนก็ตกมาดับไฟกรดที่แผดเผาร่างแสนสมุทรในทันที ทันใดนั้น ก็เกิดฟ้าผ่าลงไปยังถ้ำหนึ่งในสิบสองถ้ำที่เป็นที่ซ่อนตราพระราหู พวกมีฤทธิ์ที่กำลังตามมา รู้ได้ทันทีว่าพวกนับดาวรู้ที่ซ่อนตราพระราหูแล้ว มีฤทธิ์สั่งให้ภูตพรายที่เลี้ยงไว้ไปขัดขวางพวกสุดสาครไม่ให้เข้าถึงตราพระราหูได้

พวกนับดาวตรงเข้าไปที่ถ้ำที่มีตราพระราหูซ่อนอยู่ มะหุดปรากฏตัวขึ้นขัดขวาง แสนสมุทรตรงเข้าสู้กับมะหุดเพื่อให้สุดสาครกับนับดาวเข้าไปในถ้า ทว่าภูตพรายของมีฤทธิ์ก็เข้ามาขวางไว้อีก สุดสาครรับมือกับภูตเหล่านั้น ปล่อยให้นับดาวเข้าไปเอาตราพระราหูคนเดียว มีฤทธิ์ ระรินดาและตรีลังกาปรากฏตัวขึ้นขวางทางไว้ มีฤทธิ์เสกหุ่นพยนต์จากหญ้าแห้งมาเป็นกำลังเสริมเพิ่มเติมอีก ขณะที่นับดาวกำลังจนมุม ม้านิลมังกรก็มาช่วยจัดการกับหุ่นพยนต์ นับดาวจึงรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำตามหลังพวกมีฤทธิ์ แล้วจัดการช่วงชิงตราพระราหูจากมีฤทธิ์มาได้ ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับแสนสมุทร สุดสาครและม้านิลมังกรด้านนอก หญิงสาวใช้ตราพระราหูจัดการกับภูตผีปิศาจและมะหุดได้สำเร็จ แล้วส่งตราพระราหูให้สุดสาครพาตัวเองกลับเข้าเรื่องพระอภัยมณีไป ทว่าสุดสาครกลับพาทั้งสามคนกับอีกหนึ่งตัวกลับมาเข้าวรรณคดีเรื่องโคบุตรแทน ทั้งสามจึงต้องหาทางกลับไปยังโลกเดิมที่จากมาให้ได้

ทั้งสามมาปรากฏตัวอีกครั้งที่เกาะกาวิน ตรีลังกาและมีฤทธิ์ควบคุมตัวป้านอบน้อมและอาจณรงค์มากดดันให้คืนตราพระราหู และบอกที่ซ่อนของพินัยกรรมให้ แสนสมุทรถ่วงเวลาให้ตรีลังกากับมีฤทธิ์ไปหาพินัยกรรมในรีสอร์ท แต่ทว่าสองพ่อลูกหาไม่พบ ขณะที่มีฤทธิ์กับตรีลังกากำลังจะจัดการกับทุกคน ทันใดนั้น สภาพอากาศรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนไป ฟ้าแลบแปลบปลาบด้วยอำนาจของตราพระราหู ผีเสื้อยักษ์ปรากฏตัวขึ้น นับดาวรีบตรงเข้าไปหาแสนสมุทรและสุดสาครที่กำตราพระราหูไว้มั่น แสงจากตราพระราหูเปล่งประกายเจิดจรัส ส่องให้เห็นขบวนเรือสำเภาของเมืองการเวกที่สุดสาครจะต้องกลับไป นับดาวกับแสนสมุทรล่ำลาสุดสาครด้วยความอาลัยอาวรณ์ พลันคลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามา ทั้งคู่จมดิ่งลงไปในน้ำทะเลอันมืดมิด ก่อนที่สติสัมปชัญญะของนับดาวจะดับวูบลง

นับดาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งที่เกาะกาวิน โลกของเธอกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว นับดาวถามหาแสนสมุทร ระรินดาแจ้งข่าวร้ายกับนับดาวว่าตั้งแต่แสนสมุทรลงไปช่วยนับดาวเมื่อวันก่อน ก็ถูกคลื่นยักษ์ซัดจมหายไป กว่าจะพบตัวก็หลายชั่วโมงให้หลังและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที นับดาวรีบตรงไปที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงแสนสมุทร หญิงสาวเข้าไปเยี่ยมแสนสมุทรในห้องไอซียูและพบว่าแสนสมุทรไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ที่ทำเป็นหลับก็เพราะอยากให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากมีฤทธิ์และตรีลังกาแล้วเท่านั้น

หลายเดือนผ่านไป นับดาวและแสนสมุทรกำลังจะแต่งงานกัน นับดาวทวงสัญญาจากแสนสมุทรที่เคยบอกว่าจะอ่านเรื่องพระอภัยมณีให้จบ ทั้งคู่ต่างรำลึกถึงสุดสาคร และบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันลืมการผจญภัยในครั้งนั้นเลย

บุคลิกลักษณะตัวละคร "บุรำปรัมปรา"

1. แสนสมุทร สมุทรกาวิน ชายหนุ่มอายุประมาณ 27 ปี เป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูที่เกาะกาวิน พ่อแม่ของแสนสมุทรเสียชีวิตไปหมดแล้วจากภัยสึนามิเมื่อหลายปีก่อน แสนสมุทรจึงดูแลกิจการแต่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก จึงไม่ค่อยสันทัดเรื่องวรรณคดีไทยเท่าไหร่ หลังจากพบกับสุดสาครที่หลุดออกมาจากวรรณคดี โลกของแสนสมุทรก็กลับตาลปัตร เขากลายเป็นเพียงนายทหารเรือหนุ่มที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะยิงปืนใหญ่ใส่พวกเดียวกัน ใครๆ ก็มองว่าแสนสมุทรสติไม่ดี รีสอร์ตที่เกาะกาวินก็ตกไปเป็นของคนอื่น เขาจึงต้องหาทางทำให้ชีวิตของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด

นิสัย : อารมณ์ดี ขี้เล่น กวน พูดตรง ดูอบอุ่น มองโลกในแง่ดี จิตใจดีชอบช่วยเหลือ สุภาพบุรุษ รักเพื่อน แอบขี้เหงา (ขาดความอบอุ่นเพราะสูญเสียครอบครัวไปกับเหตุการณ์สึนามิ)

จุดมุ่งหมาย : ต้องการทำให้โลกกลับไปเป็นเหมือนเดิม โดยหาทางส่งสุดสาครกลับเข้าโลกวรรณคดี

2. นับดาว หญิงสาวอายุประมาณ 25 ปี เป็นนักเขียนนวนิยายสาวไฮโซ ลูกสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้ากาแล็คซี่ เธอหลบมารักษาแผลใจที่เกาะกาวินตามคำแนะนำของเพื่อนสนิท เนื่องจากจับได้ว่าคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันเป็นเกย์ ทว่าหลังจากที่พบกับสุดสาครที่พลัดออกมาจากวรรณคดี นับดาวก็กลายเป็นเพียงนักเขียนจนๆ ที่ถูกส่งตัวมาทำข่าวโปรโมทเกาะกาวิน นับดาวกับแสนสมุทรจึงต้องร่วมมือกันเฉพาะกิจ เพื่อส่งสุดสาครกลับเข้าโลกวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีให้ได้ ชีวิตของเขาและเธอจึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

นิสัย : เป็นพวก Perfectionist เป็นคุณหนูไฮโซ ติดหรู เรื่องเยอะ วัตถุนิยม บ้าของแบรนด์เนม ยึดติดกับสิ่งของ ถ้าใช้ของยี่ห้ออะไร ก็ต้องใช้แบบนั้นตลอด เอาแต่ใจตัวเอง

จุดมุ่งหมาย : ต้องการทำให้โลกกลับไปเป็นเหมือนเดิม โดยหาทางส่งสุดสาครกลับเข้าโลกวรรณคดี

3. สุดสาคร เด็กชายอายุประมาณ 10 ปี สุดสาครเป็นลูกของพระอภัยมณีกับนางเงือก มีของวิเศษคู่กายคือไม้เท้าวิเศษจากพระเจ้าตาและม้านิลมังกร สุดสาครหลุดออกจากวรรณคดีมาที่โลกมนุษย์ขณะที่กำลังต่อสู้กับผีเสื้อยักษ์ที่เกาะกาวิน โดยที่แสนสมุทรกับนับดาวช่วยเหลือไว้ สุดสาครจึงต้องหาทางกลับสู่โลกวรรณคดีให้ได้ มิเช่นนั้นวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีก็จะกลายเป็นวรรณกรรมที่เขียนไม่จบ และสุดสาครก็จะไม่ได้พบกับพระอภัยมณี

นิสัย : มีความมุ่งมั่นในเป้าหมายของตนเองในการตามหาพระอภัยมณี รักพี่น้อง เหมือนจะเข้มแข็งแต่ก็ยังมีความเป็นเด็กสมวัยอยู่ ไว้ใจคนยากเพราะเคยโดนชีเปลือยหลอก

จุดมุ่งหมาย : ต้องการหาทางกลับเข้าโลกวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีให้ได้

4. ตรีลังกา มังคลาวงศ์ ชายหนุ่มอายุประมาณ 28 ปี เป็นลูกครึ่งไทย-ศรีลังกา สืบเชื้อสายมาจากโดยตรงมาจากพระอภัยมณีและนางละเวงวัณฬา ตรีลังกาปรากฏตัวอยู่ในโลกที่กลับตาลปัตรของนับดาวและแสนสมุทรเท่านั้น ในโลกนั้นตรีลังกาเป็นเจ้าของเกาะกาวินแทนแสนสมุทร แต่ก็เป็นแค่ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย เพราะหุ้นส่วนใหญ่เป็นของสุภัชชา ภรรยาของแสนสมุทรในโลกคู่ขนานซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ตรีลังกาจึงต้องค้นหาพินัยกรรมของสุภัชชาให้พบ เพื่อป้องกันไม่ให้แสนสมุทรได้รีสอร์ตไปครอบครอง

นิสัย : ไม่ใช่คนเลวโดยนิสัย แต่ทำเลวตามคำสั่งมีฤทธิ์ สุขุม นิ่ง

5. มีฤทธิ์ มังคลาวงศ์ ชายวัยกลางคน อายุประมาณ 50 ปี บิดาของตรีลังกา เป็นชาวศรีลังกาที่สืบเชื้อสายมาจากพรอภัยมณีและนางละเวงวัณฬาโดยตรง มีฤทธิ์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้รับการถ่ายทอดวิชามายาการมาจากบรรพบุรุษ จึงสามารถใช้ภูตพรายและใช้เวทย์มนต์ได้ เขาได้รับคำสั่งจากบรรพบุรุษว่า เมื่อใดก็ตามที่พบโยคีน้อยห่มหนังเสือปรากฏตัวขึ้นให้สังหารได้ทันที มิเช่นนั้นตระกูลมังคลาวงศ์จะพบกับความย่อยยับ

นิสัย : โหดเหี้ยมกับทุกคน แต่รักและเกรงใจเกนหลงมาก เกนหลงจึงเป็นเหมือนจุดอ่อนของมีฤทธิ์ รักลูกแต่แสดงออกไม่เป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน

จุดมุ่งหมาย : ต้องการฆ่าสุดสาครเพื่อความอยู่รอดของตระกูลมังคลาวงศ์ ตามที่บรรพบุรุษสั่งไว้

6. เกนหลง มังคลาวงศ์ หญิงวัยกลางคนชาวไทย อายุประมาณ 45 ปี เป็นภรรยาของมีฤทธิ์และเป็นมารดาของตรีลังกา เป็นคนจิตใจดี เยือกเย็น เกนหลงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีฤทธิ์สอนวิชามายาการให้ตรีลังกา จึงพยายามไม่กีดกันไม่ให้ตรีลังกาได้อยู่ใกล้กับมีฤทธิ์ เมื่อสุดสาครถูกจับมา เกนหลงก็สงสาร จึงให้ความช่วยเหลือด้วยการพาไปซ่อนตัวที่วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว แม้จะรู้ดีว่าการให้ความช่วยเหลือสุดสาครจะทำให้ตระกูลต้องพบกับความย่อยยับก็ตาม

นิสัย : เรียบร้อย อ่อนโยน มีความเมตตา ธรรมะธรรมโม รักความถูกต้อง

7. ชีเปลือย ตัวละครจากเรื่องพระอภัยมณี ชีเปลือยออกมาจากวรรณคดีเพื่อตามหาตัวสุดสาครกลับไป เพราะถ้าไม่มีสุดสาคร เรื่องพระอภัยมณีก็จะไม่สามารถจบได้ ในเรื่องพระอภัยมณี ชีเปลือยเป็นนักบวชจอมปลอม หลอกลวงชาวบ้านเพื่อหาลาภสักการะ แต่ชีเปลือยคนนี้พอจะมีฤทธิ์บ้างเล็กน้อย เป็นพวกคาถาง่ายๆ

นิสัย : พูดมาก พูดเรื่อยเปื่อย เจ้าเล่ห์

8. ป้านอบน้อม พี่เลี้ยงวัยเด็กของแสนสมุทร อายุประมาณ 55 ปี ในโลกปกติป้าน้อมเสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนจากเหตุการณ์สึนามิ แต่ในอีกโลกหนึ่งนั้นป้าน้อม ยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังเป็นยายแก่ปากร้าย จุ้นจ้านผิดกับคนเดิมชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) อ่อนโยน รักแสนสมุทรเหมือนลูกเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เรียบร้อย พูดจาช้าๆ

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) พูดจาเสียงดัง โวยวาย ไม่ยอมคน ชอบประชดประชัน รักและเอ็นดูแสนสมุทร ปากร้าย จุ้นจ้าน

9. อาจณรงค์ ชายวัยประมาณ 50 ปี เป็นพ่อของนับดาว ในโลกปกติอาจณรงค์เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แต่ในอีกโลกหนึ่งเป็นนักพนันหนีหนี้ ที่ต้องหนีเจ้าหนี้นอกระบบหัวซุกหัวซุนไปขอความช่วยเหลือจากนับดาวถึงเกาะกาวิน

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) ขี้บ่น ชอบสอนชอบเตือน แต่สุดท้ายก็ตามใจ เพราะรักลูกมาก

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) เจ้าเล่ห์ เอาตัวรอดเก่ง ลุกลี้ลุกลน เห็นแก่เงิน จนบางครั้งก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แสดงออกแข็งๆ พูดจาแข็ง ลึกๆเป็นคนดี แต่มีความเห็นแก่ตัวเพราะต้องการเอาตัวรอด

10. ดารารัตน์ หญิงวัยประมาณ 47 ปี เป็นแม่ของนับดาว ในโลกปกติดารารัตน์เป็นไฮโซที่เฉิดฉายอยู่ในวงสังคม แต่ในอีกโลกหนึ่ง ดารารัตน์เป็นครูสอนภาษาไทย ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูสูงมาก ดารารัตน์อยากปลูกฝังให้เด็กๆ รักวรรณคดีไทย และเป็นกูรูผู้ช่วยของนับดาวเวลาเจอปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวละครในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีด้วย

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) หัวอ่อน รักลูก พูดน้อย

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) เจ้าระเบียบ เฮี้ยบแบบครูโบราณ ไม่ยอมคน ขี้บ่น ชอบสอน ชอบพูด

11. ระรินดา หญิงสาวอายุประมาณ 27 ปี ในโลกปกติระรินดาเป็นเพื่อนรักไฮโซของนับดาว แต่ในอีกโลกหนึ่ง ระรินดาเป็นเจ้าของนิตยสารระริน นิตยสารสำหรับผู้หญิง และเป็นเจ้านายของนับดาว วางตัวข่มนับดาวทุกวิถีทาง ระรินดาเป็นคนรักเก่าของตรีลังกาสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ แต่ก็เหินห่างกันไป หลังจากที่ตรีลังกาแต่งงานกับสุภัชชา หลังจากสุภัชชาเสียชีวิต ระรินดาก็กลับมาสานสัมพันธ์กับตรีลังกาอีก เพราะหวังว่าถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาอีกครั้ง

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) ร่าเริง สนุกสนาน รักเพื่อน

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) มั่นใจ ขี้หึง ชอบบงการ เจ้ากี้เจ้าการ

12. อัครา ชายหนุ่มอายุประมาณ 35 ปี ในโลกปกติเป็นพนักงานในรีสอร์ต เป็นคนสนิทของแสนสมุทร เป็นคนดี ขยันขันแข็ง แต่ในอีกโลกหนึ่ง อัครากลายเป็นคนสนิทของตรีลังกา นิสัยไม่ดี คอยจับผิดนับดาว แสนสมุทร และสุดสาคร

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) เงียบๆ พูดน้อย เป็นลูกน้องที่เข้าใจแสนสมุทรที่สุด

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) นักเลง ทำงานเอาหน้า

13. ตันหยง หญิงสาวอายุประมาณ 28 ปี เป็นแม่บ้านในรีสอร์ต จุ้นจ้าน สอดรู้สอดเห็น ขี้เมาธ์ ชี้ประจบ ถูกระรินดาใช้เงินจ้างเพื่อค่อยสืบเรื่องต่างๆให้ตลอดเวลา

นิสัย : (ก่อนโลกเปลี่ยน) เรียบร้อย พูดจาสุภาพ

นิสัย : (หลังโลกเปลี่ยน) ขี้เมาธ์ ขี้ฟ้อง ชอบพูดจากระแหนะกระแหน

14. ซะรียาห์ เด็กหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี เป็นลูกชายของอับดุลและทับทิม ช่วยงานทับทิมที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ไม่เกเร แต่ก็ไม่ค่อยเอาถ่านเท่าไหร่

15. อับดุล ผู้ชายอายุประมาณ 45 ปี ในโลกปกติเป็นคนงานในรีสอร์ต แต่อีกโลกหนึ่งเป็น เป็นคนขับเรือของตรีลังกา ค่อยขนของให้แขกที่มาพัก

16. สุภัชชา หญิงสาวอายุประมาณ 27 ปี เป็นภรรยาเก่าของแสนสมุทรในโลกที่กลับตาลปัตร หลังจากที่ถูกแสนสมุทรทอดทิ้ง สุภัชชาก็ได้รับรีสอร์ตเป็นมรดกจากพ่อแม่ของแสนสมุทรที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์สึนามิ จากนั้นก็แต่งงานใหม่กับตรีลังกาและเสียชีวิตไปอีกคน โดยซ่อนพินัยกรรมที่ระบุว่าจะมอบรีสอร์ตคืนให้แสนสมุทรเอาไว้ แต่ยังไม่มีใครพบ

17. ทับทิม หญิงวัยประมาณ 37 ปี เป็นแม่ของซะรียาห์ ภรรยาของอับดุล ขายอาหารตามสั่งอยู่หมู่บ้านคนงานท้ายเกาะ เป็นแม่ค้าปากร้ายใจดี ช่างเมาธ์

18. ย่องตอด ภูตพรายที่เป็นข้ารับใช้ของมีฤทธิ์ มีชื่ออยู่ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีจริง นายสั่งให้ทำอะไรก็ทำตาม จริงๆไม่ได้อยากเลว แต่เพราะอิทธิฤทธิ์ของมีฤทธิ์เลยทำให้ต้องทำตาม

19. มะหุด ภูตพรายที่เป็นข้ารับใช้ของมีฤทธิ์ มีชื่ออยู่ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี

รายชื่อนักแสดงนักแสดง

มาสุ จรรยางค์ดีกุล รับบทเป็น แสนสมุทร สมุทรกาวิน

ลักษณ์นารา เปี้ยทา รับบทเป็น นับดาว

ปริญา แสนเมือง รับบทเป็น ระรินดา

ด.ช.จอมยุทธ เหล่าเจริญพลกุล รับบทเป็น สุดสาคร

ธารา ทิพา (โบ๊ท) รับบทเป็น ตรีลังกา มังคลาวงศ์

นิธิ สมุทรโคจร รับบทเป็น มีฤทธิ์ มังคลาวงศ์

เพชรลดา เทียมเพ็ชร รับบทเป็น เกนหลง มังคลาวงศ์

จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบทเป็น อาจณรงค์

สุธิตา เกตานนท์ รับบทเป็น ดารารัตน์

ณัฐนี สิทธิสมาน รับบทเป็น นอบน้อม

นที(โน๊ต) พิทักษ์ รับบทเป็น ชีเปลือย

สุธีร์(แอม) เสียงหวาน รับบทเป็น อัครา

ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รับบทเป็น ตันหลง

เอก โอรี รับบทเป็น พันแสง (พ่อแสนสมุทร)

อภิสรา ฉวีวงษ์ รับบทเป็น วารี(แม่แสนสมุทร)

อติรุจ (บอส) สุวรรณ รับบทเป็น ย่องตอด

อนุธิดา (โมนา) อิ่มทรัพย์ รับบทเป็น สุภัชชา

วรากร ศวัสกร รับบทเป็น บูรณัชย์

เบญจสิริ วัฒนา รับบทเป็น ผีเสื้อสมุทร

โชติกา วงศ์วิลาศ รับบทเป็น นางเงือก