อารีพงศ์ เดินหน้านโยบายประหยัดพลังงาน ปี 2559 ชวนอุตสาหกรรมห้องเย็น-โรงน้ำแข็งทั่วประเทศลดใช้พลังงาน

11 Nov 2015
ปลัดกระทรวงพลังงาน เดินหน้านโยบายประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปี 2559 มุ่งเน้นการลดใช้พลังงานในอุตสาหกรรมห้องเย็น-โรงน้ำแข็งทั่วประเทศ ด้วยการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ จูงใจให้เปลี่ยนเครื่องจักร-อุปกรณ์เป็นรุ่นใหม่ ตั้งเป้า 200 แห่งในปีแรก คาดช่วยลดการใช้พลังงานได้ 90 ล้านบาท
อารีพงศ์ เดินหน้านโยบายประหยัดพลังงาน ปี 2559 ชวนอุตสาหกรรมห้องเย็น-โรงน้ำแข็งทั่วประเทศลดใช้พลังงาน

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว ว่า ในปี 2559 จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหลัก โดยจัดโครงการรณรงค์ลดใช้พลังงานในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคประชาชน ขนส่ง และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคส่วนอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานค่อนข้างสูง โดยได้เตรียมมาตรการสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ประกอบการในการลงทุนในด้านการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น อาทิ เงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการ SME เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลดใช้พลังงานตามเป้าหมาย

"ปี 2559 จะมุ่งเป้าการประหยัดพลังงานและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไปที่อุตสาหกรรมห้องเย็นและโรงน้ำแข็ง ซึ่งจากการสำรวจของกรมพัฒนาพลังงานและพลังงานทดแทน (พพ.) พบว่า ปัจจุบันมีห้องเย็น-โรงน้ำแข็งขนาดใหญ่และขนาดย่อมรวมกันทั่วประเทศเกือบ 2,500 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ยังใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์เก่า กินไฟค่อนข้างสูง จึงมีแนวคิดที่จะให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน เพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิม โดยการออกมาตรการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% วงเงินกู้เฟสแรกภายใต้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท ตั้งเป้าห้องเย็น-โรงน้ำแข็งนำร่องปรับเปลี่ยนเครื่องจักร-อุปกรณ์ใหม่ในปี 2559 จำนวน 200 แห่ง ประหยัดพลังงานได้เป็นมูลค่า 90 ล้านบาท" นายอารีพงศ์กล่าว

ส่วนมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนหลอดไฟ LED เพื่อช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในอาคารภาครัฐต่างๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 นั้น ในปี 2559 คณะกรรมการกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ได้อนุมัติกรอบวงเงินกว่า 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนหลอดไฟ ทั้งในอาคาร และไฟส่องสว่าง สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาคารภาครัฐ โรงพยาบาล มัสยิดและอาคารภาครัฐ รวม 10 โครงการ เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟที่มีจำนวนชั่วโมงการใช้งานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือหลอดไฟเก่าที่ประสิทธิภาพต่ำ โดยการปรับเปลี่ยนให้เป็นหลอด LED ประเภทต่างๆที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่ติดตั้ง เช่น หลอดโคม LED ทางถนนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไฟทางตามท้องถนน หลอด LED แบบตะเกียบ และไฟ LED แบบหลอด เป็นต้น รวมจำนวนกว่า 280,000 หลอด ซึ่งจะทยอยปรับเปลี่ยน ซึ่งคาดว่าผลประหยัดจะเกิดขึ้นโดยรวม และจะสามารถคืนทุนจากการประหยัดได้ราว 2-3 ปี

สำหรับด้านการส่งเสริมพลังงานทดแทนนั้น จะมุ่งเน้นเรื่องการลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศในราคาที่เป็นธรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน โดยตั้งเป้าการใช้พลังงานทดแทนจากปัจจุบันใช้อยู่ประมาณ 12% เพิ่มเป็น 30% ภายในปี 2579

"การขับเคลื่อนแผนบูรณาการพลังงาน นอกจากจะเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินการของกระทรวงพลังงานให้ก้าวสู่อนาคตอย่าง มั่งคง มั่งคง ยั่งยืน ตามกรอบนโยบายรัฐแล้ว คาดว่าจะช่วยให้ประเทศเกิดความมั่นคงทางพลังงาน ลดความเสี่ยงในการผลิตไฟฟ้าด้วยการกระจายเชื้อเพลิง ราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่มากจนเกินไป และคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ประมาณ 37% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ซึ่งนับเป็นก้าวที่มั่นคงของเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนตลอดไป" นายอารีพงศ์กล่าว