วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอส (Yale-NUS College) ใช้โซลูชั่นโอเพ่นสแตกระดับองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันทางวิศวกรรมระหว่างเรดแฮทและเดลเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบคลาวด์แบบผสม (hybrid cloud) ของวิทยาลัยทำให้ลดเวลาในการดำเนินการปรับใช้งานแอพพลิเคชั่น (application deployment) ลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์
เรดแฮท อิงค์ (NYSE: RHT) ผู้นำทางด้านโซลูชั่นโอเพ่นซอร์สของโลก และเดลแถลงข่าวร่วมกันว่า วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสสถาบันอุดมศึกษาทางด้านศิลปศาสตร์แห่งแรกของสิงคโปร์ ได้สร้างระบบคลาวด์แบบผสมขึ้นนับเป็นหนึ่งในแห่งแรก ๆ ของภูมิภาคนี้ โดยวางรากฐานอยู่บนโซลูชั่นของเรดแฮทและเดล โดยใช้ Red Hat Cloud Infrastructure ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วนในการช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ ทำการเปลี่ยนแปลงจากระบบดาต้าเซ็นเตอร์เสมือนแบบเก่า (traditional datacenter virtualization) มาเป็นระบบคลาวด์บนโอเพ่นสแตก (OpenStack-powered cloud ) โดยทำงานอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ของเดลรุ่น PowerEdge และอุปกรณ์เครือข่ายของเดล วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอส สร้างแพลตฟอร์มระบบคลาวด์แบบผสมนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักวิจัย นักศึกษา และบุคลากรสามารถเข้าถึงบริการทางด้านไอทีได้โดยอัตโนมัติและทำการบริการด้วยตนเองได้ และต้องการ.ในการขอใช้เซริฟเวอร์ระบบที่นำมาพัฒนาใช้ (deployment) ได้อย่างรวดเร็ว
วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเยลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาและมหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์ (National University of Singapore –NUS) เพื่อที่จะสร้างรูปแบบใหม่ทางการศึกษาศิลปศาสตร์ขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ทางวิทยาลัยได้ตั้ง IT Infrastructure and Services team ขึ้นมาดูแลโครงสร้างพื้นฐานของระบบไอที เพื่อที่จะให้ระบบไอทีสามารถสนับสนุนจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของนักวิจัย นักศึกษาและบุคลากรของวิทยาลัยได้โดยใช้ทรัพยากรบุคลากรด้านไอทีที่มีอยู่จำนวนจำกัดเท่าเดิม วิทยาลัยสร้างคลาวด์ส่วนตัว(private cloud) สำหรับเก็บข้อมูลที่จำเป็นต้องเก็บไว้ที่วิทยาลัยด้วยเหตุผลทางกฎหมายและต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล (latency) นั้น โดยมีการปฏิสัมพันธ์เชื่อมต่อกับบริการของคลาวด์สาธารณะ (public cloud) ที่ค่อนข้างมีต้นทุนค่าใช้จ่ายถูกกว่ามากในขณะเดียวกัน ทางทีมได้เลือกทำโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นระบบคลาวด์แบบผสม (hybrid cloud) แทนที่จะใช้แนวคิดแบบเดิม ๆ เหมือนสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่แยกระบบไอทีสำหรับสนับสนุนงานวิจัยอออกจากระบบไอทีอื่น ๆ วิทยาลัยกลับเลือกสร้างระบบคลาวด์ขึ้นมาแทนซึ่งทำให้สามารถให้บริการ ๆ ทุกคนในองค์กรในเรื่องต่าง ๆ ทางไอทีโดยใช้ทรัพยากรจำนวนเท่าเดิมที่มีอยู่
วิทยาลับเยล-เอ็นยูเอสต้องการโซลูชั่นที่มีความยืดหยุ่นที่สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลายในทุก ๆในการขยายได้อย่างรวดเร็วเพื่อรองรับความต้องการทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องการใช้พลังการประมวลผลปริมาณมาก ๆ มาก ๆ ไปจนถึงสภาพเสมือนสำหรับการเรียนการสอนและการบริหารทั่วไปของวิทยาลัย ทีมงานหาทางที่จะสร้างโซลูชั่นแบบคลาวด์ที่สามารถทำงานร่วมกัน (interoperable) และปรับปรุงตามความต้องการใช้งาน (customizable) ได้สูง โดยไม่เพียงตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและความต้องการใช้ปริมาณงาน (workload) ที่ต่างกันในปัจจุบันเท่านั้น แต่ต้องตอบสนองต่อการเจริญเติบโตของสถาบันในอนาคต โดยไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุน (capital expenditure) สูง ๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีทีมงานไอทีที่ค่อนข้างเล็ก ทางวิทยาลัยจึงต้องการโซลูชั่นที่สนับสนุนระบบที่ค่อนข้างมีความเป็นอัตโนมัติสูงและมีความมั่นคงในระยะยาว โดยให้มีเวลาการหยุดชงักการทำงาน (downtime) ให้น้อยที่สุด
เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสจึงเลือกสร้างระบบดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์กำหนด (software-defined datacenter) และเป็นระบบคลาวด์แบบผสมที่วางรากฐานอยู่บนการร่วมมือกันทางวิศวกรรมของเรดแฮทและเดล ในการทำโซลูชั่นคลาวด์แบบโอเพ่นสแตก (Openstack cloud solutions) โดยเลือก Red Hat Enterprise Linux OpenStack Platform ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Red Hat Cloud Infrastructure เป็นรากฐานของระบบคลาวด์ของวิทยาลัย ทำให้ง่ายขึ้นที่จะหาพนักงานไอทีที่มีทักษะความรู้เกี่ยวกับ Linux มาดูแลและง่ายในการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่น ๆ บนโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นแบบเปิดได้ค่อนข้างกว้าง และวิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสเลือกที่จะนำ Red Hat Enterprise Linux มาใช้ทั่วทั้งองค์กรตลอดโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ทำให้ควบคุมและบริหารจัดการได้ทั้งหมด บนทุก ๆ เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งแบบจริง และเสมือน ( virtualre machine) ทั้งแบบคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สา-ธารณะ
วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสเลือกเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของเดล รุ่น PowerEdge R720 และ R720XD ซึ่งมีการทดสอบร่วมกันโดยเดลและเรดแฮทแล้วและปรับจูนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรองรับ Linux workloads เพื่อสร้างโซลูชั่นที่สามารถปรับขยายได้ง่ายโดยถูกออกแบบมารองรับความต้องการของทางวิทยาลัยได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสยังต้องการระบบเครือข่ายที่สามารถรองรับอนาคตได้ด้วย จึงเลือกอุปกรณ์สวิตช์ของเดลในรุ่น S4810P และรุ่น S55 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ทำให้บริหารจัดการระบบง่ายและมีประสิทธิภาพที่สูง
ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสสามารถลดความซับซ้อนของระบบดาต้าเซ็นเตอร์ลงอย่างสูง จนทำให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีของวิทยาลัยต้องการวิศวกรมาบริหารดูแลระบบเพียง 9 คน โดยเป็นผู้ที่มีความรู้ในเกี่ยวกับ Linux เพียงพอที่จะดูแลการทำงานของระบบคลาวด์แบบผสม ด้วยการใช้ระบบคลาวด์บนโอเพ่นสแตกบนความร่วมมือของเรดแฮทและเดล ทำให้วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสลดเวลาในการดำเนินการปรับใช้งานแอพพลิเคชั่นลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์และสร้างความคล่องตัวให้แก่ระบบไอทีของวิทยาลัย ทำให้ในปัจจุบันการเพิ่มหรือโอนย้ายความสามารถในการประมวลผล การเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายสามารถทำได้รวดเร็วตามความต้องการในการใช้งานของผู้ใช้ และระบบแบบผสมนี้ทำให้วิทยาลัยสามารถจะทำงานบางงานบนหน่วยความจำ (in-memory) ได้ ในขณะที่ส่งงานอื่น ๆ ให้ไปทำบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์จริงหรือแบบเสมือนก็ได้ เดิมการติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาหลาย ๆ วัน ทุกวันนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง ทำให้ลดงานค้างลงและเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบมากขึ้น วิทยาลัยยังสามารถลดงบประมาณที่ใช้ในการลงทุนไปบนระบบโซลูชั่นแบบโอเพ่นสแตกนี้อีกด้วย โดยไม่จำเป็นที่นักศึกษาจะต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่เฉพาะเจาอะจงอีกต่อไป ทำให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงระบบผ่านแล็บท็อปของตนเอง ลดความต้องการเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ในแล็บส่วนกลางลง
เดลและเรดแฮทได้ทำการร่วมมือกันมากว่า 15 ปีในการพัฒนาโซลูชั่นแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับองค์กรขนาดใหญ่เพื่อจะเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ลูกค้า โดย Red Hat Enterprise Linux OpenStack Platform software และ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เป็นส่วนประกอบของคลาวด์ของเดล ถูกออกแบบ ทำการพัฒนาร่วมกันและทดสอบการเชื่อมต่อเพื่อเร่งเวลาในการสร้างคุณค่าเพิ่มให้ลูกค้า โดยเน้นความสามารถในการทำ open and flexible configurations เพื่อจะให้ลูกค้าสามารถเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางโดยไม่ถูกจำกัดอยู่กับผู้ขายรายใดรายหนึ่งตลอดไป โซลูชั่นนี้จะทำให้การสร้างและนำระบบคลาวด์มาใช้ในองค์กรทำได้ง่ายด้วยซอฟต์แวร์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว แพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรอง การบริการจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพและมีบริการช่วยเหลือสนับสนุนตลอดอายุการใช้งาน
OpenStack cloud solutions จากเรดแฮทและเดลจะช่วยเปลี่ยนแปลงบริการทางด้านไอทีขององค์กรให้สามารถก้าวสู่การบริการบนระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และขยายตัวได้ตามความต้องการทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคตขององค์กรคำพูดสนับสนุน
Darwin Gosal ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริการไอทีแห่ง Office of Educational Resources & Technology ของวิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอส
"เราต้องการที่จะเป็นเจ้าของความสามารถที่ก้าวหน้าในอนาคตโดยไม่ต้องลงทุนงบประมาณมาก และ Cloud Infrastructure ของเรดแฮท บนโซลูชั่นของเดล ทำให้เราเห็นโซลูชั่นในการต่อเชื่อมระบบคลาวด์สาธารณะเข้ากับระบบคลาวด์ของเราได้อย่างง่ายดายและไม่แพง โดยใช้หลักการออกแบบขั้นพื้นฐานที่ใช้ฮาร์ดแวร์ทรงพลังเข้ากับซอฟต์แวร์ในระบบโอเพ่นซอร์สเพื่อที่จะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ และเราอยากจะเห็นมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ปรับเอาสถาปัตยกรรมของเราไปใช้ประโยชน์เช่นกัน"
Radhesh Balakrishnan ผู้จัดการทั่วไปแผนก OpenStack ของเรดแฮท
"วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของเราในทุกวันนี้ในเรื่องการคิดใหม่ของลูกค้าเกี่ยวกับระบบดาต้าเซ็นเตอร์ว่าสำหรับยุคใหม่ควรจะเป็นอย่างไร วิทยาลัยไม่ได้ใช้เพียงสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบผสมเพื่อตอบสนองความต้องการงานด้านไอทีของบุคลากรในองค์กรที่มีหลากหลายและตอบสนองได้เป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ยังคงความสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดทั้งระบบอีกด้วย วิทยาลัยใช้ Red Hat Enterprise Linux เพื่อสร้างระบบพื้นฐานที่ใช้งานได้จริงและคงความสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้งระบบจริงและเสมือน ทั้งคลาวด์แบบส่วนตัวและสาธารณะ และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่วิทยาลัยเลือก Cloud Infrastructure ของเรดแฮท บนโซลูชั่นของเดลเพื่อสร้างระบบคลาวด์ที่มีความสามารถในการขยาย (scalable)ได้ค่อนข้างสูงตามความต้องการใช้งาน เรดแฮทและเดลได้ทำการร่วมมือกันในการพัฒนา OpenStack เชิงลึกและเราภาคภูมิใจที่ได้เห็นความสำเร็จของวิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสในการนำมันมาใช้ได้จริง"
Jim Ganthier, VP and GM ของ Engineered Solutions and Cloud ของเดล
"เช่นเดียวกับองค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบัน วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสมองหาแนวทางที่จะใช้งบประมาณด้านไอทีของตนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยนำคลาวด์โซลูชั่นมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านไอทีของตนทั้งในปัจจุบันและอนาคต OpenStack-based hybrid cloud infrastructure ของเดลและเรดแฮท ทำให้วิทยาลัยมีโซลูชั่นที่มีความยืดหยุ่น มีความเชื่อมโยงทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สูง และปรับได้ตามความต้องการใช้งาน เพื่อที่จะลดความซับซ้อนของการมีคลาวด์หลาย ๆ ระบบและลดเวลาในการดำเนินการปรับใช้งานแอพพลิเคชั่นลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์และใช้งบประมาณได้คุ้มค่าสูงสุด เดลและเรดแฮทมีประวัติการร่วมมือกันที่ยาวนานในการแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ที่ท้าทายของลูกค้า และเรามีความสุขอย่างยิ่งในการที่วิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอสสามารถทำได้สำเร็จ"แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม• Read the full Yale-NUS College success story• Learn more about Red Hat Cloud Infrastructure• Learn more about OpenStack• Learn more about Red Hat's collaboration with Dell on OpenStack• Read more Red Hat customer success storiesเชื่อมต่อกับเรดแฮท• Learn more about Red Hat• Get more news in the Red Hat newsroom• Read the Red Hat blog• Follow Red Hat on Twitter• Like Red Hat on Facebook• Watch Red Hat videos on YouTube• Join Red Hat on Google+
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit