ปภ.แนะผู้ขับขี่เรียนรู้เทคนิคขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วมระดับต่างๆ . . . ลดอุบัติเหตุ – ลดเสี่ยงอันตราย

21 Sep 2015
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะผู้ขับขี่เรียนรู้เทคนิคขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วมระดับต่างๆ โดยประเมินสภาพเส้นทาง ระดับความลึก และความแรงของกระแสน้ำ โดยสังเกตจากรถที่ขับนำหน้าหรือสวนทางมา รวมถึงสมรรถนะและความสูงของรถ หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูง และกระแสน้ำไหลเชี่ยว เพราะนอกจากรถจะได้รับความเสียหายแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อชีวิต

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้หลายพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้เส้นทางสายต่างๆ มีน้ำท่วมผิวการจราจร ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะข้อควรปฏิบัติในการขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ดังนี้ กรณีน้ำท่วมระดับผิวถนน ไม่ควรขับรถเร็ว รักษาความเร็วรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่เร่งเครื่องยนต์ เพราะน้ำที่ถูกยางล้อรีดอาจกระจายขึ้นมาที่กระจกหน้ารถ บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง กรณีน้ำท่วมระดับท้องรถ ควรขับรถให้ช้าที่สุด รักษาความเร็วให้อยู่ในระดับเดียวกัน โดยขับรถไปตามแนวการขับขี่ของรถคันหน้าบนถนน ส่วนที่น้ำตื้นที่สุด ระวังคลื่นน้ำจากรถที่ขับสวนทางมา เพราะกระแสน้ำอาจพัดเข้าไปในห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับ ส่งผลให้รถลอยตัวจนไม่สามารถควบคุมทิศทางรถ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ กรณีน้ำท่วมถึงระดับไฟหน้ารถ ถือเป็นระดับที่อันตรายที่สุด ผู้ขับขี่ควรหยุดรถเพื่อประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกและไหลเชี่ยว ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อย่าฝืนขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าว เพราะรถไม่สามารถต้านแรงน้ำ ส่งผลให้รถจมน้ำ ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ สำหรับข้อควรปฏิบัติขณะขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม ให้ปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะพัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับหรือระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ขัดข้อง ใช้ความเร็วต่ำ ไม่เร่งเครื่องหรือลดความเร็วโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันคลื่นน้ำบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง และกระแสน้ำอาจเข้าไปในห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ควรขับรถโดยใช้เกียร์ต่ำ สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 พยายามเลี้ยงคลัตช์ พร้อมเร่งเครื่องยนต์ให้รอบเครื่องสูงกว่าปกติเล็กน้อย หากเป็นรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เกียร์ L รักษารอบเครื่องให้คงที่ ลดการใช้เบรก โดยใช้แรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ในการหยุดรถหรือชะลอความเร็ว เพื่อความปลอดภัย ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ หากรถคันหน้าขัดข้องหรือหยุดกะทันหัน จะได้มีระยะในการหยุดรถอย่างปลอดภัย หากรถเสียหรือเครื่องยนต์ขัดข้องบริเวณเส้นทางที่มีน้ำท่วม ควรเปิดไฟกะพริบเพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นเปลี่ยนเส้นทางได้ทัน จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุ หลีกเลี่ยงการกลับรถบริเวณทางลอดใต้สะพาน ซึ่งอยู่ต่ำกว่าผิวถนนในช่วงที่มีฝนตกหนัก เพราะหากมีน้ำไหลเข้าท่วมและระบายน้ำไม่ทัน จะทำให้รถจมน้ำ ก่อให้เกิดอันตรายได้

0-2243-0674 0-2243-2200www.disaster.go.th