เคเอสเค ประเทศไทย เปิดตัวซีอีโอคนใหม่ มุ่งยกระดับองค์กร ชูเทคโนโลยีพัฒนาบุคลากร เสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ เดินหน้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

15 Sep 2015
บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัว ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารคนใหม่ สานต่อนโยบายขยายธุรกิจด้านต่างๆ ชูระบบออกกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (e-cover policy system), พัฒนาบุคคลากรรุ่นใหม่ ปรับปรุงสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งเสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ (niche market)
เคเอสเค ประเทศไทย เปิดตัวซีอีโอคนใหม่ มุ่งยกระดับองค์กร ชูเทคโนโลยีพัฒนาบุคลากร เสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ เดินหน้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ดร. พงษ์ภาณุเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) ภายใต้การบริหารของเคเอสเค กรุ๊ป เบอร์ฮาด มาเลเซีย เมื่อเดือนมกราคม ปี 2558 โดยมีประสบการณ์กว่า 26 ปี ในอุตสาหกรรมประกันภัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งในบริษัท นิวแฮมเชอร์ ประกันภัย จำกัด โดยดูแลรับผิดชอบงานด้านการตลาดและการบริหารช่องทางขายผ่านตัวแทนและนายหน้ามากว่า 13 ปี

ดร.พงษ์ภาณุ เชื่อมั่นว่าการเติบโตขององค์กรในธุรกิจประกันภัยต้องมาจากการผสมผสานงานด้านบริการที่เข้าถึงผู้บริโภค ตัวแทน และนายหน้า และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ

ดร.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า "เคเอสเคยังคงมุ่งเน้นการบริหารตัวแทนและนายหน้า เราเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนอย่างมากและต้องมีการปฏิสัมพันธ์บนพื้นฐานของความไว้วางใจ เรากำลังพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ตัวแทนและนายหน้าสามารถให้บริการกับลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราเริ่มนำระบบออกกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับตัวแทนและนายหน้าเพื่อให้สามารถติดต่อส่งใบสมัครของลูกค้าและทำธุรกรรมรวมทั้งจัดการงานเอกสารกับสำนักงานใหญ่ผ่านระบบออนไลน์"

"ตัวแทนและนายหน้าสามารถถ่ายภาพรถของลูกค้าด้วยสมาร์ทโฟนและใช้โน้ตบุคหรือคอมพิวเตอร์เพื่อออกกรมธรรม์ให้ลูกค้าซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและมอบบริการที่เข้าถึงลูกค้าแต่ละราย ตัวแทนจึงสามารถทำงานในปริมาณมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายได้"

บริษัทฯ ได้เริ่มใช้ระบบออกกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์เป็นประเภทแรก ซึ่งขณะนี้กว่า 40% ของตัวแทน ใช้เครื่องมือนี้ และเคเอสเค กำลังอยู่ในขั้นตอนที่จะใช้ระบบดังกล่าวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยประเภทอื่นๆ

ดร. พงษ์ภาณุ กล่าวว่า เรามีตัวแทนและนายหน้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ นอกจากนี้ ในด้านบุคลากรในองค์กร เรามุ่งเน้นการสรรหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองให้เป็นบุคลากร

ที่มีความสามารถในอุตสาหกรรมประกันภัย เรากำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจและพัฒนาบุคลากรทั้งภายในบริษัทและตัวแทนนายหน้า ทั้งนี้ เพื่อให้เรามีทั้งคนคุณภาพและบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง"

นอกจากนี้ เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงสำนักงานสาขาทั่วประเทศ โดยมีคอนเซปต์การออกแบบให้เป็นร้านกาแฟ อันทันสมัยที่ซึ่งตัวแทนและนายหน้าสามารถถือโน้ตบุคเข้าไปนั่งทำงานผ่านระบบออนไลน์ในบรรยากาศผ่อนคลาย หรือใช้เป็นสถานที่นัดหมายพูดคุยกับลูกค้า สาขาที่ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จแล้วได้แก่ เชียงใหม่และสุราษฎร์ธานี สาขาต่อไปคือ ชลบุรี ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ที่สุด นอกจากนั้น ยังมีสาขาที่จังหวัดต่างๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น ระยอง นครปฐม ภูเก็ต หาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในลำดับของการปรับปรุงที่กำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2559

นอกจากการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่กล่าวมา เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความโดดเด่นแตกต่างในตลาด

"เราให้ความสำคัญกับธุรกิจรายย่อยและแพลตฟอร์มการให้บริการที่เรากำลังพัฒนาทำให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบองค์รวมให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีเงินทุนในระดับ 30 ล้านบาท และการมีตัวแทนที่มีความรู้ความสามารถจึงช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจของลูกค้ากลุ่มนี้และความต้องการเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าว"

"ตัวแทนของเราสามารถที่จะพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่คุ้มครองธุรกิจในทุกด้านแบบองค์รวม ทั้งความคุ้มครองตัวเจ้าของธุรกิจ อาคารสำนักงาน ตลอดจนสินทรัพย์ต่างๆ เรายังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ชื่อว่า กรมธรรม์บริรักษ์กุญชร ซึ่งเกิดจากการได้พูดคุยกับเจ้าของปางช้างและโรงเรียนฝึกช้างที่เราเชื่อว่าสามารถพัฒนาธุรกิจได้ด้วยคอนเซปต์การรับประกันของเรา ตัวแทนของเราได้นำเสนอความคุ้มครองให้กับช้างซึ่งนับเป็นทรัพย์สินสำคัญของธุรกิจไม่ใช่เป็นเพียงสัตว์ธรรมดา และช้างยังสามารถนำมาเป็นหลักค้ำประกันในการกู้เงินกับธนาคาร การทำประกันชีวิตช้างจะช่วยให้ธุรกิจปางช้างเติบโตได้ กรมธรรม์บริรักษ์กุญชร นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่มุ่งเน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม และยังช่วยให้ตัวแทนและนายหน้ามีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและแข่งขันได้ในตลาด" ดร.พงษ์ภาณุ กล่าวในตอนท้าย