เห็นว่าจะมีข่าวดี ?
"ตอนนี้ไล่ๆ ดูข่าวมันเริ่มเขียนไปเยอะมากกว่าในสิ่งที่เราพูด วันนี้ได้มาพูดก็ถือว่าเป็นพูดครั้งเดียวก็ดี ครบทุกช่อง เลย(ยิ้ม) คือจริงๆ ไม่ได้ออกมาประกาศว่าจะแต่งงานวันนี้พรุ่งนี้ อย่างรวดเร็ว แล้วก็พร้อมมีบุตรขนาดนั้น เดี๋ยวมันจะเสียหน้าที่งานที่ต้องทำอยู่ คือจริงๆ มาจากการสัมภาษณ์ทีวีแค่ 2 ช่องเองมั้ง วันนั้นไปงาน แล้วก็ถามในเรื่องของการแต่งงาน การคบกัน กับคนที่คบอยู่ว่าเป็นยังไงก็บอกว่าคบกันดีนะ เพราะเราก็มาถึง 4 ปีแล้ว แล้วก็ถามในเรื่องคุยการวางแผนชีวิตไหม ถ้าเรามาถึงขนาดนี้ไม่วางก็คงไม่ใช่ ก็วางมาตลอดนะคะว่าเราจะต้องเป็นยังไงบ้าง คือจริงๆ 2 คนก็จับมือกันไปดูดวงคู่นั้นเอง ฝ่ายชายเขามีความเชื่อในด้านนี้เราก็ตามไป เขาก็แค่บอกว่าปีหน้ามันค่อนข้างเป็นปีที่เดือดสำหรับคู่เรา แล้วก็ต้องหาอะไรเย็นๆ มาเป็นการประคองชีวิตคู่ เพราะจริงๆ แล้วเนี่ยมีแนวโน้มที่จะเลิกกันสูง เราก็มองว่าจะเลิกกันเพราะอะไร เราก็คบกันมาแบบเรียบๆ ไม่ได้เปิดตัวอะไรมาก การคบกัน 4 ปี ไม่เคยทะเลาะกันเลย คราวนี้ก็เป็นอีกแพลนหนึ่งที่ได้พูดไว้ก่อนหน้านั้นคือการฝากไข่ เอาจริงๆ การฝากไข่มันไม่ใช่สำหรับคนที่เราคบอยู่เท่านั้น มันเป็นเรื่องอนาคตของเราด้วย เนื่องจากอายุโยก็ไม่น้อยแล้ว คราวนี้ประเด็นก็เลยไปจับว่าฝากไข่แล้ว ต้องแต่งงาน ปีหน้าต้องแต่งแล้วแน่ๆ ยังนะคะ แพลนก็ยังอยู่ในปีหน้า คือดูความพร้อมของเราทั้งคู่ก่อน"
เห็นว่าได้ฤกษ์แล้ว ?
"อะไรมันจะขนาดนั้น(ยิ้ม) ถ้าได้ฤกษ์แล้วก็แต่งเลยไหม ฤกษ์สะดวกตามสัมภาษณ์จริงๆ ถ้าไปฟังโยสัมภาษณ์นะคะ คือการแต่งงานของโยไม่จำเป็นแต่ปีนี้ แล้วปีหน้าจะบอกว่าแต่ง 23 24 25 คือเราเอาฤกษ์ที่เราสะดวกคะ ถ้าเราพร้อมจริงๆ ความสะดวกคือความพร้อม"
ก็น่าจะแต่ภายในปีหน้า ?
"ก็ต้องปีหน้าแหละ ปีนี้มันเหลืออีก 3 เดือนเอง(หัวเราะ) ต้องปีหน้าคะ แต่ต้องดูความพร้อมนะ ไม่ใช่ว่าเปิดต้นปีมาแล้วแต่งเลย อย่างที่บอกว่าดูความพร้อมของเราทั้ง 2 คนด้วย"
ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่อยากแต่ง ?
"ถ้าถามวันนี้แบบไม่ได้เกรงใจคุณผู้ชายก็อยากจะตอบว่าไม่อยากแต่ง แล้วก็เรามีความสุขในการใช้ชีวิตรแบบนี้มากๆ เพราะว่าเราไม่ได้เน้นในเรื่องของการรีบมีลูก ต้องเลี้ยงลูก ยังสนุกกับการที่แบบเวลาเราเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน เรายังไม่มีข้อผูกมัดมาก กลับมาเราก็ยังมีบ้านของเรากันเอง ยอมรับว่าการใช้ชีวิตคู่ของเรา 2 คน เราไม่ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง มันเลยทำให้เราคบกันมาได่นานแบบนี้ เมื่อแต่งไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวยังไงบ้าง"
เขาชนะใจเรายังไง ?
"เขาคงชนะใจเราหลายๆ จุดเพราะว่ายอมรับในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่เดือนเราก็ไปมีข่าวกับท่านหนึ่ง ซึ่งเนื้อข่าวก็ไปกันใหญ่มากมายก็ยอมรับว่าทำให้บั่นทอนชีวิตคู่เรานิดหนึ่ง เหมือนกับสร้างความไม่มั่นใจให้กับคนที่เราคบ เนื่องจากว่ามีคนที่หวังดีค่อนข้างเยอะในการที่คอยไปพูดให้แฟนเราฟังเสมอเกี่ยวกับโน้นนี่นั่นเกี่ยวกับตัวเรา ก็พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าเรามั่นคงนะ เพียงแต่อาจจะไม่ได้หวานแหววเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ก็มั่นคง แล้วเราก็ปฏิบัติตัวอย่างคนที่มีแฟนแล้วมาตลอด"
กับคนนี้ค่อนข้างเงียบ ไม่มีข่าว ?
"สิ่งที่ไม่เคยพูดก็ไม่ได้ปิดบังนะคะ เวลาไปไหนใครถ่ายรูปได้ก็ถ่าย แต่ไม่จำเป็นที่ต้องมานั่งบอกว่าเป็นชื่อใคร นามสกุลใคร ลูกเต้าเหล่าใคร อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะไปหาข้อมูลมาได้ ด้วยความคิดที่ว่าการเปิดตัวแบบนั้นมันควรจะเปิดตัวที่ว่าเปป็นหน้าที่สามีเราไหม หรือเราจะแต่งงานกันเลย ไม่ใช่ว่าการมาเปิดตัวสื่อเพราะว่าแฟนเราไม่ใช่คนในวงการบันเทิง ตอน 2 ปีที่แล้วที่คบกันตัดสินใจไว้ว่าจะไม่เปิดตัวเขา เพราะเนื่องจากว่ามันมีกระแสของนักเลงคีย์บอร์ด ที่เข้าไประรานครอบครัวเขาต่างๆ โยมองว่ามันไม่น่ารัก แล้วหน้าที่การงานเขาเองเขาก็ทำงานกับผู้ใหญ่ตลอด แฟนโยไม่ใช่เด็กนะคะ เป็นถึงด๊อกเตอร์แล้วก็อายุมากแล้ว พอคนไปทักว่าอุ้ยด๊อกเตอร์มีแฟนเป็นดาราเหรอสำหรับโย โยมองว่าเขามีความสำคัญในหน้าที่การงานมากกว่าที่คนจะกล่าวถึงแบบนี้ โยอยากให้คนกล้าวถึงในฐานะในอนาคตที่จะเป็นสามีจริงๆ ก็ควรจะเป็นวสามีที่มีความเพรียบพร้อมไม่ใช่มาเป็นแฟนเซเล็บอะไรแบบนี้"
เปิดตัวตอนแต่งงานทีเดียวเลย ?
"มันควรจะเป็นแบบนั้นแหละ(หัวเราะ)"
ตอนนี้เราก็ยังไม่พร้อมจะเปิด ?
"ยังคะ การเปิดตัวของโยไม่ใช่จะชวนมาอีเว้นท์ บอกชื่อเสียงเรียงนาม มันไม่ใช่อยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอกว่าถ้าใครหาข้อมูลก็แล้วแต่"
ทำงานเอกชน หรือราชการ ?
"ราชการคะ"
มีข่าวออกมาแบบนี้เขาว่าไงบ้าง ?
"เขาก็เฉยๆ นะก็เริ่มอ่านข่าว สรุปแต่งหรือไม่แต่งเริ่มงง(หัวเราะ) เราก็เลยบอกว่าจริงๆ สิ่งที่เราสัมภาษณ์ไปอีแบบหนึ่งนะ แต่คือคนก็คงอยากให้แต่งแหละ เอาตามจริงเราไม่ได้มีความกดดันซึ่งกันและกัน"
ครอบครัวของทั้งคู่ว่าไงบ้าง ?
"ครอบครัวโยค่อนข้างซีเรียสในเรื่องของการมีลูกมากกว่า ซึ่งเราก็เทคแคร์จัดการตรงนั้นไป ต่ไม่ได้เร่งรัดในเรื่องรีบแต่งงาน ก็รู้จักคุณหนึ่งเป็นอย่างดี ส่วนครอบครัวคุณหนึ่งต้องบอกว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ในความรู้สึกโย คือโยได้รับการต้อนรับมากกว่าการอุ้มชูแล้วเรียกว่าเป็นสะใภ้เสียอีก ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทั้งครอบครัวคุณหนึ่งเองก็ซับพอร์ดเราทุกเรื่อง เรียกได้ว่าสิ่งที่เรามีวันนี้ เรามีวันนี้ได้ก็ได้จากการซับพอร์ตจากครอบครัวคุณหนึ่ง"
เข้ากับครอบครัวเขาได้ดี ?
"คงไม่ถึงขั้นว่าฝากตจัวเป็นลูกสาวอะไรแบบนั้นนะคะ(หัวเราะ) อย่างคุณแม่คุณหนึ่งเองจะบอกว่าโยเป็นผู้หญิงลุยๆ และการที่เราคบกันคือการที่เราส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นเรื่องดี ถ้าส่งเสริมให้คุณหนึ่งเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น เพราะโดยปกติทำงานหนักมาก ไม่เคยออกกำลังกายเลย การมาคบกันก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาเยอะ ส่วนอย่างหนึ่งที่โยไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงคือยังอยากให้คุณหนึ่งดูแลคุณแม่อยู่ ไม่จำเป็นที่พอมาเป็นแฟนกันแล้วต้องย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถึงโยจะซื้อบ้านแล้วคุรหนึ่งก็ไม่เคยมาอยู่ด้วย คือแบบนี้ยังมีความรู้สึกว่าเรามีช่องว่างให้กันอยู่"
ที่บอกว่าไม่อยากแต่ง เป็นเพราะเห็นพี่เอรึป่าว ?
"โยมองว่าเวลาเราพูดว่าแต่งงานคนอื่นๆ จะแต่งงานด้วยหลายเหตุผลนะคะ เช่นแต่งงานที่คบกันมานานอยากให้เกียรติทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็อยากประกาศให้คนอื่นได้รับรู้ว่าโอเคเราแต่งงานกันถูกต้องตามกฏหมาย การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็จะง่ายขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้ว 70% มักจะไปไม่รอด น้อยมากที่จะแต่งไปอยู่กันจนถึงแก่เฒ่าจริงๆ สำหรับคนในวงการบันเทิงนะคะ โยก็เลยอยากให้มองในมุมลึกๆ ว่าถ้าเราจะแต่ง เราควรแต่งกับคนที่เรารู้สึกว่าเราอยากอยู่กับเขาตลอดเวลา 24 ชั่วโมงจริงๆ เราอยากแชร์ชีวิตของเราครึ่งหนึ่งให้กับคนคนนั้น เราอยากเป็นแม่บ้าน เราอยากดูแลเขา ถ้ายังไม่ถึงฟิลลิ่งนั้นจริงๆ เนี่ยโยก็เลยยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน(ยิ้ม)"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit