สำหรับการดำเนินโครงการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ (มันสำปะหลัง) ณ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 680 ราย พื้นที่ดำเนินการ 17,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลผลิตจาก 3.7 ตัน เป็น 5 ตัน /ไร่ ในเขตน้ำฝนพื้นที่ 1.6 หมื่นไร่ และเพิ่มผลผลิตจาก 4 ตัน เป็น 8 ตัน/ไร่ ด้วยระบบน้ำหยด พื้นที่ 1,000 ไร่ ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรลงร้อยละ 15 โดยในการดำเนินการนั้นมีกิจกรรมสำคัญในเรื่องระบบน้ำหยดเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังแบบเคลื่อนที่ เครื่องสับมันเส้นที่สามารถแปรรูปจากหัวมันสดเป็นมันเส้นสะอาด และเพิ่มมูลค่าของผลผลิตได้ การรับซื้อผลผลิตทั้งหัวมันสดและแปรรูป โดยสหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดิน บ่อถ้ำ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรขาณุวรลักษบุรี จำกัด และมีกระบวนการถ่ายทอดการเรียนรู้ของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ของนายชัยรัตน์ ภู่พันธ์ เกษตรกร ใน อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร โดยการปลูกมันสำปะหลังโดยใช้ระบบน้ำหยด เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย
พลเอกฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่ อ.บึงสามัคคีนั้น นอกจากรับฟังสภาพปัญหาจากกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันแล้ว ยังถือโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรถึงปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มเจ้าพระยา เพราะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจากปริมาณน้ำในอ่างปัจจุบันคาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีน้ำใช้การได้เพื่อจัดสรรน้ำในลุ่มเจ้าพระยาประมาณ 3,600 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ต้องใช้บริหารจัดการเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพื่อการอุปโภค-บริโภค ไปจนถึงประมาณเดือนเมษายนปีหน้าให้เพียงพอให้ได้ รวมถึงได้ชี้แจงมาตรการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลซึ่งประกอบด้วย 8 มาตรการหลัก 52 กิจกรรม อาทิ มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน การจ้างงานภายใต้โครงการของกรมชลประทาน เป็นต้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ทั้งหมดในวันอังคารหน้า