นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี และลพบุรี รวม 10 อำเภอ โดยสถานการณ์ภาพรวมในปัจจุบันหากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 – 2 วัน ยกเว้นจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ค่อนข้างสูง ระดับน้ำทรงตัว หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 – 3 วัน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยออกปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์และให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า บริเวณความกดอากาศสูงได้แผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบไปจนถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2558นอกจากนี้ ปภ.ได้ประสานแจ้งเตือน 31 จังหวัด ในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมการป้องกันและแก้ไขภาวะฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งหลายพื้นที่มีปริมาณฝนสะสมมากอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ โดย 21 จังหวัด ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วงวันที่ 10 – 12 ตุลาคม 2558 และ 10 จังหวัด ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก เฝ้าระวังฝนตกสะสม ช่วงวันที่ 10 – 11 ตุลาคม 2558 รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกล ด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน พื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด ให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th