วันนี้ (12 ต.ค.58) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ครั้งที่1/2558 เพื่อพิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) และติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานทุก 3 เดือน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพฯ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อคนไทยทั้งประเทศ การที่จะจัดบริการด้านสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว จะเป็นการทำเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ช่วยทำให้การท่องเที่ยวของประเทศดีขึ้น ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยมีกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ.2559-2568) 4 ข้อ คือ 1. เพิ่มขีดความสามารถในการจัดบริการสุขภาพ 2.พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการทุกระดับ 3.การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน/ผู้ประกอบการรายย่อย รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ 4.การส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์
การดำเนินงานในระยะเร่งด่วน ภายใน 2 ปี พ.ศ. 2559 - 2560 จะเร่งจัดทำระบบประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติ (Landed Fee) การพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนนำร่อง 7 จังหวัด ขยายเวลาพำนักในไทย กรณีเข้ารักษาพยาบาลกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และจีน จาก14-30 วัน เป็น 90 วัน จัดทำแพ็คเก็จสุขภาพพัฒนาสถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชนรองรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการเชิงสุขภาพ
ทั้งนี้ การดำเนินงาน พัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการบูรณาการกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน และเป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติ โดยนโยบายด้านสาธารณสุขอยู่ในนโยบายที่ 5 การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน และอยู่ในคลัสเตอร์ที่ 4 ของนโยบายด้านการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศผลการดำเนินงาน ในปี2557 มีชาวต่างชาติเข้ามารับบริการสุขภาพในประเทศไทย 1.2 ล้านครั้ง สร้างรายได้เข้าประเทศ 107,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่ไทยได้รับการยอมรับคือ ราคาเหมาะสม บริการมีคุณภาพ มาตรฐานสากล บุคลากรเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย คนอัธยาศัยดี และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit