โตโต้ เปิดโรงงานผลิต โชว์สุดยอดกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำมาตรฐานระดับโลก

24 Dec 2015
โตโต้ เปิดโรงงานผลิต เชิญสื่อมวลชนเยี่ยมชมสุดยอดเทคโนโลยีการพัฒนานวัตกรรมสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำมาตรฐานระดับโลก ณ โรงงานผลิต จ.สระบุรี ปักธงใช้ไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้า TOTO ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตั้งเป้าทำผลิตภัณฑ์TOTO ให้เป็นแบรนด์ในใจผู้บริโภคไทยภายใน 5 ปีข้างหน้า ประกาศเดินหน้าลุยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งระยะสั้นและยาวอย่างต่อเนื่อง
โตโต้ เปิดโรงงานผลิต โชว์สุดยอดกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำมาตรฐานระดับโลก

มร. ฮิโรยูกิ ซูซูกิ (Mr.Hiroyuki Suzuki) ประธานบริษัท โตโต้(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในโอกาสที่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท โตโต้(ประเทศไทย) จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ความสามารถ รวมถึงประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ได้ร่วมงานกับบริษัท TOTO ประเทศญี่ปุ่น มาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและมุ่งหวังที่จะให้TOTO ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตสินค้าTOTO ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

"สินค้าที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้จะต้องเป็นที่ยอมรับทั้งคุณภาพและมาตรฐานในทุกระดับชั้น และจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน ISO ,TIS,JIS , ยิ่งไปกว่านั้น ก็ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานของTOTO ที่ยากกว่ามาตรฐานใดๆในโลก ภายใต้การควบคุมและตรวจสอบที่เข้มข้นที่สุด โดยเฉพาะ สินค้าTOTO ที่ออกจาก โรงงานแห่งนี้ต้องได้การตรวจแบบ100% ทุกชิ้นงาน และ จะไม่ยอมให้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพออกจากโรงงานแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะหากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหลุดออกไปยังผู้บริโภคนั่นคือความเสียหายที่ลูกค้าได้รับซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้" มร. ฮิโรยูกิ ซูซูกิ กล่าว

มร. ฮิโรยูกิ ซูซูกิ กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายสำคัญที่เป็น Roadmapของการบริหารงานในประเทศไทย คือการทำให้สินค้าTOTO เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมากขึ้นอาทิ การจัดงานอีเว้น ,โปรโมชั่นส่งเสริมการขายร่วมกับหน้าร้าน, การปรับปรุงโชว์รูมใหม่ ณ จุดขาย หรือแม้แต่การขยายผู้แทนจำหน่ายเพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อได้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มทีมบริการหลังการขาย และศูนย์TOTO ทั้งภูเก็ตและเชียงใหม่

สำหรับการลงทุนระยะยาว TOTO มองเห็นศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจประเทศไทยยังชะลอตัวอยู่ เนื่องจากหลายปัจจัย แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพของประเทศไทยน่าจะขยายได้อีกมาก และการที่TOTOซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภัณฑ์ที่มีมากว่า 100 ปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศญี่ปุ่นถึง70% , การบุกตลาดต่างประเทศอาทิ จีน, อเมริกาและยุโรปได้ จนเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้TOTO มองเห็นความสำคัญที่จะกลับมาขยายตลาดในอาเซียนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ตลาดยังสามารถเติบโตได้อีกหลายเท่า อีกทั้งการค้าการลงทุนกับประเทศไทยที่รัฐบาลไทยยังคงให้การสนับสนุนบริษัทข้ามชาติมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทTOTO มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนที่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

HTML::image( HTML::image(