Jas Mobile มีแผนที่จะเปิดให้บริการ 4G โดยฟิทช์คาดว่าบริษัทน่าจะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่รุนแรงเพื่อสร้างฐานลูกค้าและแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเดิม Jas Mobile เป็นบริษัทลูกของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสายรายใหญ่ในประเทศไทย
ฟิทช์คาดว่าค่าบริการด้านข้อมูล (Data tariff) ของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย จะปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (BBB+/AA+(tha)/Stable) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC (BBB/AA(tha)/Stable) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะแข่งขันด้านราคาค่าบริการกับ Jas Mobile ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดของผู้ประกอบการน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะลดทอนผลประโยชน์จากต้นทุนค่าส่วนแบ่งรายได้ที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากการโอนย้ายผู้ใช้บริการไปอยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาต นอกจากนี้ผู้ประกอบการรายเดิมน่าจะปรับเพิ่มแผนการลงทุน เพื่อขยายโครงข่าย 4G ก่อนที่ผู้ประกอบการรายใหม่จะเพิ่มให้บริการ และเพื่อรองรับการขยายตัวของการใช้งานด้านข้อมูล ซึ่งน่าจะส่งผลให้กระแสเงินสดสุทธิ (Free cash flow) ของผู้ประกอบการติดลบ และอัตราส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นในปี 2559
ฟิทช์คาดว่า Jas Mobile อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากยังไม่มีกฎระเบียบในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infrastructure sharing) และการเช่าใช้โครงข่าย (Domestic roaming) Jas Mobile น่าจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมากเพื่อสร้างฐานลูกค้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และชำระค่าคลื่นความถี่ที่สูง และการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ตามบริษัทน่าจะได้รับผลประโยชน์จากการที่บริษัทให้บริการบนคลื่นความถี่ 900MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำ ซึ่งใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างโครงข่ายที่ต่ำกว่าเนื่องจากคลื่นดังกล่าวสามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้คลื่นความถี่สูง Jas Mobile น่าจะเริ่มเปิดให้บริการ 4G ในปี 2559
ฟิทช์คาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่สุดสองรายซึ่งได้แก่ AIS และ DTAC อัตราส่วนกำไรต่อรายได้ของ AIS และ DTAC ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ โดยผู้ประกอบการทั้งสองมีสถานะทางธุรกิจที่ดีในการรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงโดยไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงในกรณีที่มีการแข่งขันในอุตสาหกรรมสูงกว่าที่คาดไว้มาก และส่งผลให้ ส่วนแบ่งทางการตลาด อัตราส่วนกำไรต่อรายได้และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของผู้ประกอบการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของผู้ประกอบการอาจไม่เพียงพอในการรองรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่ออันดับเครดิต
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit