มุมมองของอเบอร์ดีนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

30 Dec 2015
สัปดาห์ที่ผ่านมา เจแนท เยลเลนได้ประกาศนโยบายตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากมุมมองของตลาดโดยรวมไม่ได้มีการเห็นพ้องต้องกันต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางครั้งนี้มาเป็นเวลานาน ตามความคิดเห็นของลูซี่ โอแคร์โรล?ประธานกลุ่มนักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ และริชาร์ด ดันบาร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโส บลจ. อเบอร์ดีน ณ กรุงเอดีนเบิร์ก ประเทศสก็อตแลนด์

แม้ว่าตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และ อัตราการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศได้มีการปรับตัวตอบรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผนของธนาคารกลางนั้นก็ยังเร็วกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางได้นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะทำการพิจารณาอย่างละเอียด ตามมุมมองของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับตัวเลขผลวิเคราะห์การเติบโตทางการเงินและสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก ในมุมมองของอเบอร์ดีนการที่ธนาคารกลางได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นสัญญานที่ดีว่า ธนาคารกลางมีความมั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

"ความแข็งแกร่งของตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างสหรัฐฯ ก็เหมือนกระแสน้ำขึ้นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหลายให้เดินหน้าและเติบโตขึ้นตาม ถ้าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตอนนี้มีความมั่นคงตามที่ธนาคารกลางเชื่อมั่น ความมั่นคงของตลาดสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ดีขึ้นตามลำดับ การที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นตามประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเพียงแค่ผลกระทบระยะสั้นที่เป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่เริ่มจะมีการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์" โอแคร์โรล กล่าว

ดันบาร์ได้กล่าวเสริมว่า "การปรับอัตราดอกเบี้ยให้เข้าสู่ภาวะปกติ จากที่เคยมีนโยบายทางการเงินที่ไม่ปกติไม่ได้เป็นการปรับตัวที่ง่าย ถือเป็นข้อควรระวัง?และอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานในการเริ่มปรับตัว อย่างไรก็ตามการตัดสินใจในครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและได้เสียงตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งหลาย"

แพททริค มัลดาริ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนตราสารหนี้ บลจ. อเบอร์ดีน ณ กรุงนิวยอร์ค กล่าวว่า การที่ธนาคารกลาง ได้ออกประกาศตามที่คาดการณ์ไว้นั้น ขณะที่พวกเรากำลังจะเข้าสู่ปี 2016 จะมีการพูดคุยถึงเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยที่สมาชิก FOMC (Federal Open Market Committee) เชื่อว่า จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหมดปี 2016 แต่ทั้งนี้การตัดสินใจของธนาคารกลางย่อมขึ้นอยู่กับข้อมูลของตลาดและตัวเลขทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามตลาดจะเป็นตัวกำหนดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่ธนาคารกลางต้องการเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

นีล มัลเรย์ หัวหน้าแผนกการลงทุนในตลาดพัฒนาแล้ว บลจ. อเบอร์ดีน ณ กรุงลอนดอน ได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองฝั่งยุโรปว่า "ทุกคนเห็นว่าการตอบสนองของตลาดซบเซามาเป็นเวลานาน ซึ่งผลกระทบหลัก คือ ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งเห็นได้จากการประชุม ECB (European Central Bank) ที่ผ่านมา นักลงทุนได้แสดงความผิดหวังที่ดรากีได้ปรับนโยบายทางการเงินน้อยกว่าสิ่งที่ตลาดต้องการ และในขณะเดียวกันค่าเงินยูโรก็อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ปัจจัยโดยรวมเหล่านี้ได้ทำให้ตลาดเริ่มเข้าใจว่า นโยบายของECB (European Central Bank) ยังตามหลังธนาคารกลางสหรัฐฯอยู่ และต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ก่อนที่เศรษฐกิจของยุโรปจะกลับมาเหมือนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันนี้ได้"

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit