องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟ เอ โอ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตอาหารและยกระดับโภชนาการเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีของประชาคมโลก โดยได้กำหนดให้วันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปีเป็น "วันอาหารโลก"และได้เชิญชวนประเทศสมาชิก จำนวน 194 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการระลึกถึงวันก่อตั้งองค์การและเพื่อรณรงค์ให้ภาครัฐบาล ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของอาหารและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความอดอยากหิวโหยและต่อสู้กับความยากจน โดยปัจจุบันยังมีประชากรโลกที่อดอยากหิวโหยประมาณ 800 ล้านคน ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือกับ เอฟ เอ โอ เป็นอย่างดีตลอดมา โดยการจัดงานวันอาหารโลกเป็นประจำทุกปีหมุนเวียนไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศซึ่งในปีนี้ จัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งในปีนี้ เอฟ เอ โอ ได้กำหนดหัวข้อสำหรับการรณรงค์วันอาหารโลกว่า"การคุ้มครองทางสังคมและการเกษตร : เพื่อหยุดวงจรความยากจนในชนบท" โดยตระหนักว่า"ระบบการคุ้มครองทางสังคม" เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการต่อสู้และสามารถเอาชนะความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคมได้มากที่สุด หากได้มีการบูรณาการร่วมกับนโยบายภาคการเกษตรเนื่องจากคนยากจนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบทและมีอาชีพทางการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานร่วมกันอย่างบูรณาการของการคุ้มครองทางสังคมและภาคการเกษตรในการลดความยากจนและการเข้าถึงอาหารของชาวชนบทจึงได้จัดกิจกรรมวันอาหารโลก เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองทางสังคมและการเกษตรให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้มีความเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยงานจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน 2558 และมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ 1. การสัมมนาและบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ "การคุ้มครองทางสังคมและการเกษตร" 2. การจัดนิทรรศการ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาการเกษตรและการคุ้มครอง ทางสังคม รวมถึงการจำลองวิถีชีวิตเกษตรกร 3. การประกวดวาดภาพระบายสี และการแข่งขันประกอบอาหารพื้นเมือง 4. การฝึกอาชีพระยะสั้นเช่น การทำอาหาร และการแปรรูปสัตว์น้ำ 5. การออกร้านจำหน่ายสินค้าอาหารและเกษตร ซึ่งการจัดงานวันอาหารโลกในปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากจังหวัดนครราชสีมา สำนักงาน เอฟ เอ โอ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
จากข้อมูลและการประเมินของ เอฟ เอ โอ เป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถลดจำนวนและสัดส่วนของประชากรที่ขาดสารอาหารได้เกินเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติและของเอฟ เอ โอ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องลดให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2558 โดยประเทศไทยสามารถลดทั้งจำนวนและสัดส่วนของคนที่ขาดสารอาหารได้มากเป็นลำดับที่ 3 รองจากประเทศจอร์เจียและอาร์เมเนียกล่าวคือลดได้มากกว่าร้อยละ 70 ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยได้รับรางวัลการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของประชาคมโลก ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้มีนโยบายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาส ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการต่างๆ เช่น โครงการกองทุนการออมแห่งชาติ โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าโครงการอาหารกลางวันโรงเรียนและโครงการช่วยเหลือเกษตรกร เป็นต้น ทั้งนี้เป็นหลักประกันว่าคนไทยทุกคนจะได้รับการคุ้มครองทางสังคมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit