"ขอเรียนให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านได้ใช้ความระมัดระวัง ในการรับฟังข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์และจากจดหมายที่ส่งไปพร้อมใบมอบอำนาจ การมอบอำนาจให้กับบุคคลที่ท่านไม่ทราบที่มา ไม่มีความน่าเชื่อถือ หากผู้รับมอบกระทำผิด ผู้มอบอำนาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย"
อนึ่งตามที่มีการสร้างข่าวเท็จว่า "ผู้บริหารได้ทำการขายหุ้นหรือทุบราคาหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้นขาดความเชื่อมั่น และทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายนั้น" บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่พบการกระทำใดๆดังที่กล่าวอ้าง ในทางกลับกัน มีแนวโน้มที่กลุ่มบุคคลผู้สร้างข่าวในทางเสื่อมเสีย มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่หาประโยชน์จากราคาหลักทรัพย์ EMC ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทฯ
"บริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้อง เปิดเผย ภายใต้กฎระเบียบของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีคณะกรรมการที่มีคุณสมบัติตามประกาศฯ มีวุฒิภาวะ มีองค์ความรู้ และประสบการณ์ และการเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อีเอ็มซี ก็มีแผนชัดเจนว่าเงินที่เพิ่มทุนจำนวน 1,580 ล้านบาท จะนำไปใช้ในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ทั้งการรับงานด้านวิศวกรรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ คือ โรงงานของบริษัทเถ้าแก่น้อย ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ มูลค่าโครงการรวมงานระบบ 320 ล้านบาท โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน SANKEN-EMC ได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อว่าจ้างให้ทำงานวิศวกรรมระบบ MEP (Mechanical, Electrical, Pumping) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ" นายชุมพล กล่าว
นายชุมพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ EMC กำลังจะเสนอราคาโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลของกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการคัดเลือกบริษัทในเดือนธันวาคม 2558 นี้ โดย EMC มีความชำนาญในงานระบบ ทั้งจากประสบการณ์ของบริษัทเองและจากการร่วมทุนกับบริษัท SANKEN SETSUBI KOGYO ประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นผู้นำในด้านงานวิศวกรรมระบบ และมีผลงานที่ทำให้กับสนามบิน Kansai สนามบิน OSAKA รถไฟฟ้าใต้ดิน โรงพยาบาล ในประเทศญี่ปุ่น
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อได้รับเงินเพิ่มทุนแล้ว จะนำมาสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในการก่อสร้างโครงการแลนด์มาร์คมหาชัย ซึ่งเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีความสวยงาม อยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ขนาด 16 ไร่ ประกอบด้วยคอมมูนิตี้มอลล์ และอาคารพาณิชย์ มูลค่าโครงการประมาณ รวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าในพื้นที่มอลล์ ซึ่งตอนนี้มีบริษัทชั้นนำจองพื้นที่แล้ว อาทิ Max Value โรงเรียนสอนดนตรี KPN ร้านกาแฟอเมซอน ส่วนอาคารพาณิชย์กว่า 101 ยูนิต ราคาขาย 8.5 ล้านบาท (สิทธิ 30 ปี) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2559 ขณะนี้ มียอดจองซื้ออาคารพาณิชย์ประมาณ 50% แล้ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมจะทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นคอมโด มิเนียมโลว์ไร้ซ์ ไม่เกิน 8 ชั้น จุดเด่นของโครงการ คือ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS เพียง 250 เมตร และเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ รูปแบบของโครงการและกลุ่มเป้าหมายได้มีการศึกษาไว้แล้ว โครงการดังกล่าวมีข้อดีในการรับรู้รายได้ได้เร็ว ระยะเวลาก่อสร้างโครงการประมาณ 18 เดือน และจะทยอยรับรู้รายได้หลังเปิดการขายในไตรมาสแรกของ 2559 นี้ ซึ่งจะทำให้รายได้ที่มาจากธุรกิจอสังหาฯ เพิ่มขึ้น
"อีเอ็มซี สร้างทีมบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจอสังหาฯ และวางแนวทางการพัฒนา ที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนรู้จักแบรนด์อีเอ็มซีมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เน้นด้านวิศวกรรมเท่านั้น การทำธุรกิจ ด้านอสังหาฯ จะเน้นการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งอีเอ็มซี มีจุดแข็งเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะงานระบบในอาคาร และต้นทุนการก่อสร้างที่แข่งขันได้ เมื่อเทียบกับผู้พัฒนาที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อสร้างด้วยตัวเอง เชื่อว่าในระยะเวลาไม่นาน จะมีคนเชื่อมั่นแบรนด์ของบริษัทฯ ส่งผลให้ฐานลูกค้าด้านอสังหาฯ ก็จะเพิ่มขึ้นในที่สุด" นายกิตติพันธุ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit