นิทรรศการในครั้งนี้จะจัดแสดงผลงานศิลปะของ รัฐ เปลี่ยนสุข ศิลปินชาวไทยมากพรสวรรค์ เรารู้จักชื่อของ รัฐ เปลี่ยนสุข ครั้งแรกเมื่อผลงานของเขาถูกคัดเลือกให้ร่วมจัดแสดงภายในนิทรรศการอันเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้เทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส หรือ La Fête อย่าง Designer's Week ด้วยความรักในงานศิลปะและวิทยาศาสตร์ รัฐตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2544 ในกระบวนการทำงานของรัฐ มักจะสะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าและจิตวิญญาณของผู้ใช้งานอยู่เสมอ
ผลงานศิลปะชุด Genii Loci มี รากศัพท์มาจากภาษาโรมัน หมายถึง วิญญาณที่คอยปกปักรักษาสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ในวัฒนธรรมเอเชียเชื่อว่าของใช้ที่ผูกพันและวัตถุที่ได้รับการสักการะบูชาจะเป็นที่สถิตย์ของวิญญาณ และความเชื่อนี้ก็ยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ศิลปินได้นำความเชื่อด้านจิตวิญญาณนั้นมาแปรเป็นนามธรรมให้สามารถจับต้องได้ แรงบันดาลใจมาจากประเพณีการสร้าง สิ่งปลูกสร้างและกำหนดให้วัตถุใดวัตถุหนึ่งเป็นตัวแทนที่ประทับของนามธรรมหรือที่เราเรียกว่า'วิญญาณ' เพื่อจุดประสงค์ให้ปกปักษ์รักษาดูแลผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยถูกนำมาตีความใหม่ผ่านการ ยึดโยงเอาศาสตร์ด้านออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย และคุณค่าเชิงศิลปะเข้ารวมกันได้อย่างลงตัว
ในค่ำคืนนั้นจะเริ่มต้นต้วยค็อกเทลต้อนรับและคานาเป้เลิศรส ณ เอส แกลเลอรี (S Gallery) ในขณะที่แขกผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะทุกท่านจะได้ชื่นชมนิทรรศการศิลปะแบบเต็มรูปแบบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงอันไพเราะจากดีเจมืออาชีพ
มร.วิลเลี่ยม ฮานดริกแมน ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท กล่าวว่า "เอส แกลเลอรี (S Gallery) ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะและการออกแบบในสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักปฏิบัติและปรัชญาของโรงแรมโซฟิเทลที่ เอส แกลเลอรี (S Gallery) จะมีการจัดแสดงนิทรรศงานศิลปะโดยศิลปินทั้งชาวฝรั่งเศสและชาวไทยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกท่านจะได้มาร่วมชมผลงานศิลปะของศิลปินชาวไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถมากที่สุดท่านหนึ่งของประเทศไทย เอส แกลเลอรี มีความยินดีที่จะจัดแสดงงานนิทรรศการศิลปะภายใต้ชื่อ"Genii Loci" โดยรัฐ เปลี่ยนสุข และขอเรียนเชิญผู้ที่รักงานศิลปะทุกท่านให้มาเพลิดเพลินไปกับการชื่นชมผลงานศิลปะและวัฒนธรรมที่จะจัดแสดงในครั้งนี้"
ผลงานศิลปะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการนี้จะจัดแสดงที่ เอส แกลลอรี(S Gallery) จนถึงวันที่ 1กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 นี้ความหลังของอนาคตI tend to live in the past because my life is there.
กายที่สลายไปของบุคคลอันเป็นที่รัก ข้าวของเครื่องใช้ที่ยังเหลืออยู่ ทำให้เรารู้สึกว่าเขายังคงมีตัวตนและเป็นเสมือนร่องรอยที่เขาได้ทิ้งไว้ระหว่างการเดินทาง
การถูกพรากจากความสุขอันเรียบง่ายของศิลปินในวัยเยาว์ มาสู่สังคมคอนกรีตและการแข่งขันกับเวลาในเมืองทำให้เขามีความโหยหาธรรมชาติที่จากมา รัฐ เปลี่ยนสุข จึงมีใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาอันเป็นส่วนผสมของ อดีต (ความหลัง) ปัจจุบัน (ความเป็นจริง) อนาคต (ความฝัน) และนี่กลายเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตตลอดจนการสร้างสรรค์ผลงานของเขาในเมืองหลวงที่ขับเคลื่อนด้วยความต้องการเชิงนามธรรมและรูปธรรมที่ตอบสนองปัจจัยหลักต่อการดำรงชีพของปุถุชน
ความหลงใหลของ รัฐ เปลี่ยนสุข ที่มีต่อสถาปัตยกรรม ที่อยู่อาศัย องค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้นล้วนส่งอิทธิพลต่อการประดิษฐ์ผลงานจากฝีมือของศิลปินผู้นี้ โดยสร้างให้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่คั่นกลางระหว่าง คนเป็นและคนตาย อดีตและปัจจุบัน เป็นการรังสรรค์ทั้ง สิ่งที่มองเห็นกับสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นการเผยภาพลักษณ์ของความทรงจำที่หลบซ่อนตัวอยู่
รัฐ เริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ จากการเดินทางค้นหาและคัดสรรวัตถุดิบที่ซุกซ่อนความทรงจำของครอบครัวมาเป็นต้นทุนในการสร้างจิตวิญญาณให้กับผลงาน จากนั้นจึงใช้กรรมวิธีและการออกแบบเพื่อดึงเอาเรื่องราวของการเติบโตแห่งจิตวิญญาณจากข้าวของเครื่องใช้ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นให้กลายมาเป็นรูปทรงที่งอกงามและจับต้องได้ ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งขึ้นอยู่กับวัสดุพื้นฐานที่นำมาใช้ สิ่งที่รัฐให้ความสำคัญไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์ที่สวยงามหรือประโยชน์ใช้สอยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสอดแทรกมิติทางวัฒนธรรม และความทรงจำในวัยเด็กของเขาเข้าไปในชิ้นงานเนื้อหาของ Genii Loci เป็นการหยิบยกประเด็น 'วัฏจักรชีวิต' มานำเสนอ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ไล่เรียงไปตั้งแต่
'Body' หรือ 'เรือนแห่งกาย' ที่แสดงให้เห็นถึงวัฏจักรแห่งการเติบโตและร่างกายมนุษย์
'Sense' หรือ 'เรือนแห่งสัมผัส' สะท้อนนัยเรื่องความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์ โดยผิวสัมผัสของ เรือนไม้นั้นไม่ต่างไปจากสภาวะสังขารที่สึกหรอไปตามกาลเวลา
'Memory' หรือ 'เรือนแห่งความทรงจำ' ศิลปินมีความปรารถนาที่จะค้นหาจิตวิญญาณที่หลบซ่อนในวัตถุMemory เป็นการนำเอาความทรงจำที่ฝังอยู่ในข้าวของเครื่องใช้เก่ามาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อสร้างผลงานที่สามารถเติบโตและกลายสภาพมาเป็น "บ้านแห่งจิตวิญญาณ" เฉกเช่นกับเห็ดโคนที่งอกขึ้นมาจากขอนไม้ ผลงานชิ้นนี้ คือ การถ่ายทอดให้เห็นถึงเรื่องราวความทรงจำของครอบครัว ซึ่งถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อใช้เก็บบรรจุความทรงจำ ของใช้และรูปถ่ายของบุคคลอันเป็นที่รักที่ได้จากไป
'Cycle' หรือ 'กาลเวลา' บนวัฎจักรที่หมุนเวียนของฤดูกาล ยังมีหลากหลายช่วงเวลาต้องเราต้องการให้หยุดนิ่ง ฤดูกาลเป็นดั่งฉากผ้าม่านบนเวทีที่บทละครแห่งชีวิตกำเนิดขึ้นและจบลง ผลงานศิลปะชุดนี้นำเสนอผ่านวัสดุทองคำเปลวอันเป็นตัวแทนของความขัดแย้งกันระหว่างความเปราะบางของ แผ่นทองกับเนื้อทองที่เป็นสสารที่คงทนถาวร
การรวมตัวกันอย่างตั้งใจที่งดงามและละมุนละไมของกาลเวลา ความทรงจำ การสูญเสีย และการรำลึก ถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบเพื่อให้เรารู้สึกใกล้ชิด และแปรค่าสิ่งอันเป็นนามธรรมเหล่านั้นผ่านงานศิลปะเพื่อให้สามารถจับต้องได้อีกครั้ง ผลงานที่เกิดขึ้นทั้งหมดเผยให้เราเห็นทั้งสภาพแวพล้อมที่ขาดหายและการเอาตัวรอดทางจิตใจในสภาพแวดล้อมอันสับสนวุ่นวาย และจะเป็นอีกหนึ่ง บทสนทนาที่สื่อสารให้สังคมปัจจุบันหันกลับมาสนใจกับเรื่องราวของบรรพบุรุษและทำนุบำรุงรากเหง้าของตน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มาร์ติน เกอร์ลิเย่ร์ ที่ปรึกษางานศิลปะแห่งมูนสตาร์ โทร. 093 582 6588 หรืออีเมล์ [email protected]
เอส แกลเลอรี (S Gallery) โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
เปิดให้ชมงานศิลปะทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 22.00 น.
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit