อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการรั่วไหลข้าวเข้าสู่ระบบการค้าปกติ และการเกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของข้าวไทย นบข. จึงได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแล โดยมอบหมายให้ อคส. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการสุ่มตรวจการส่ง-มอบ ข้าวตามแผนการขนย้ายข้าวสาร/ รวมถึงให้ อคส. และ อตก. กำหนดเงื่อนไขและบทลงโทษในสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม /นอกจากนี้ยังให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัดเพื่อสุ่มตรวจสอบบัญชีคุมสินค้า ซึ่ง นบข. มั่นใจว่า จะสามารถควบคุมและกำกับดูแลไม่ให้ข้าวในโครงการเข้าสู่วงจรการค้าเพื่อการบริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับเรื่องที่จะเสนอ นบข. ในวันที่ 21 ธันวาคม 2558 จะเน้นเรื่องการพยุงราคาข้าว โดยจะเสนอให้ขยายระยะเวลาการเก็บสต๊อคข้าวของโรงสีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับซื้อข้าว โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 3 ซึ่งคาดว่าเงินชดเชยจะอยู่ในวงเงิน 2 ล้าน 5 แสนบาท นอกจากนี้ จะเสนอให้ลดปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ย จะลดราคากระสอบละ 10-30 บาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ลดราคาปุ๋ยไปแล้ว 40-50 บาทต่อกระสอบ โดยหากผ่านความเห็นชอบ ราคาปุ๋ยจะลดลงจนถึงเดือนพฤษภาคม 2559 /ส่วนยาปราบศัตรูพืช จะลดราคาลงอีกร้อยละ 8-10 / รวมถึงค่าเช่ารถเกี่ยวข้าวและที่นา
สำหรับสถานการณ์ข้าว ผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ปี 58/59 มีทั้งหมด 22.98 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเปลือกหอมมะลิจำนวน 6 ล้านตัน และข้าวเปลือกเหนียวจำนวน 6.74 ล้าน ซึ่งทั้ง 2 ชนิดเก็บเกี่ยวแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงข้าวเปลือกเจ้า 10.24 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าผลผลิตของข้าวจำนวนนี้จะออกมาในช่วงเดือนธันวาคม 2558 - กุมภาพันธ์ 2559 ประมาณ 4-5 ล้านตัน