นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรที่มีภารกิจรับใช้ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เดือดร้อนมาพิจารณาแล้วเสนอทางแก้ไขไปยังหน่วยงานรัฐ โดยเน้นแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี มุ่งสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเปรียบเสมือนตัวกลางเชื่อมประสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ การให้ความรู้ความเข้าใจถึงบทบาทอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินและสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายของประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดิน จำเป็นต้องเร่งจัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐในทุกท้องที่
นายรักษเกชา กล่าวต่อว่า การจัดสัมมนาผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชนในครั้งนี้มีกิจกรรมทั้งสิ้น 2 วันด้วยกัน โดยวันที่ 17 ธันวาคม 2558 เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้เข้าร่วมสัมมนา จากนั้นจะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ และกระบวนการตรวจสอบแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนของผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อมาในช่วงบ่าย เป็นการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน : แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสีย'สะท้อนของสังคม" โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาสังคม กว่า 500 คน จาก 5 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมงาน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สำหรับในวันที่ 18 ธันวาคมนั้น เป็นกิจกรรมสำหรับผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งนิสิตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งนอกจากจะได้รับรู้รับทราบถึงบทบาท อำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ยังมีการอบรมเทคนิคการเขียนเรื่องร้องเรียนและการยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างถูกต้องด้วย เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำแก่ญาติพี่น้องหรือประชาชนที่เดือดร้อนจากการไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วต้องการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินต่อไปได้
นายรักษเกชา กล่าวย้ำว่า นอกจากการสัมมนาในวันงานแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ร่วมกับ 7 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ออกให้บริการปรึกษาข้อกฎหมายและรับเรื่องร้องเรียนปัญหาความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน รวมทั้งจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร ณ บริเวณงานอีกด้วย
"พี่น้องชาวเชียงใหม่ท่านใดมีปัญหาจากการไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนหรือปรึกษาปัญหาทางด้านกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยตนเองได้ในวันดังกล่าว ณ ห้องบอร์ดรูม 2 โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ แต่หากไม่สามารถมาได้ด้วยตนเอง แต่ต้องการร้องเรียนก็สามารถส่งเรื่องร้องเรียนได้ทางไปรษณีย์ถึงสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1676 (โทรฟรีทั่วประเทศ) และทางอินเทอร์เน็ต www.ombudsman.go.th ซึ่งการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น" นายรักษเกชากล่าว
ดังนั้น จึงขอเชิญหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ สื่อมวลชน และประชาชน ในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมกิจกรรมในงานสัมมนาโครงการ "ผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชนในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น" ตามวัน เวลา และสถานที่ข้างต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit