พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชายอายุ ๔๒ ปี พิการตาบอด ๑ ข้าง ป่วยเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ทุกวันจะต้องเจาะท้องต่อท่อล้างไตด้วยตัวเองถึงวันละ ๔ ครั้ง อาศัยอยู่กับลูกอีก ๒ คน อายุ ๘ ขวบ และ ๑๑ ขวบ ครอบครัวมีฐานะยากจน ส่วนภรรยาทนความลำบากไม่ไหวพาลูกคนเล็กหนีไป ที่จังหวัดสุโขทัย ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.สุโขทัย) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลของชายพิการดังกล่าว และดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กทั้งสองคนในระยะยาวต่อไป สำหรับกรณีเด็กชายสู้ชีวิตวัย ๑๑ ขวบ ใช้บานประตูเก่าดัดแปลงเป็นเรือตกปลาที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวที่อยู่รวมกันถึง ๑๓ ชีวิต ซึ่งมีพ่ออายุ ๓๕ ปี ซึ่งเป็นผู้หาเลี้ยงคนเดียว ด้านผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า อยากได้เรือสักลำ เพื่อจะได้ออกทำประมงหาเลี้ยงครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.กระบี่) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ
"สำหรับกรณีชายพิการวัย ๕๐ ปี ที่พิการทั้งแขนและเท้า แต่สู้ชีวิตด้วยการรับจ้างทำงานก่อสร้างมานานกว่า ๓๐ ปี ผู้รับเหมางาน และมีลูกน้องทำงานอยู่ด้วยกว่า ๑๐ คน ที่จังหวัดลำปางนั้น ตนขอชื่นชมชายพิการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีของคนพิการ ที่ไม่นำความพิการมาเป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพ และสามารถมีอาชีพที่มั่นคง พร้อมสร้างรายให้กับคนปกติทั่วไปที่มางานด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้คนพิการทั่วประเทศมีความขยันฝึกอาชีพต่างๆ จนนำไปสู่การประกอบรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวต่อไป" พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit