PSTC เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุนลุยขยายธุรกิจครั้งใหญ่ หลังผ่านคุณสมบัติโครงการรับซื้อไฟฟ้าราชการและสหกรณ์รวม 15 MW

17 Dec 2015
เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC ผ่านคุณสมบัติโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ 3 โครงการรวม 15 MW แถมประกาศลงทุนครั้งใหญ่เข้าซื้อกิจการจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกและลงทุนภายใต้บริษัทย่อย รวมประมาณ 13 MWมั่นใจเดินหน้าเต็มสูบหวังก้าวสู่ผู้นำบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานของประเทศอย่างครบวงจร หลังเตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ไฟเขียวแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนและแปลงสภาพวอแรนท์ หวังตุนเงินลงทุนรองรับการรุกธุรกิจดันการเติบโต
PSTC เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุนลุยขยายธุรกิจครั้งใหญ่ หลังผ่านคุณสมบัติโครงการรับซื้อไฟฟ้าราชการและสหกรณ์รวม 15 MW

นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC ผู้ออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกที่ครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานลม และพลังงานขยะ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกคุณสมบัติผู้เข้าร่วมขอใบอนุญาตจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์แล้ว 3 โครงการ รวมทั้งสิ้น 15 MW และอยู่ระหว่างรอการพิจารณาเพิ่มเติมอีก 6 โครงการ รวมกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อให้ทันต่อกำหนดการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบ (SCOD) ภายในเดือนกันยายน 2559 ตามที่ภาครัฐกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกอื่นๆ เพิ่มเติมคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 13 MW แบ่งเป็น การเข้าลงทุนซื้อหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท อรัญ เพาเวอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 4 MW ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม2557 โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งโครงการไม่เกิน 405 ล้านบาท ขณะเดียวกัน อรัญเพาเวอร์ ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. อีก 4 MW ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนก่อสร้างเพิ่ม โดยมีกำหนดวัน SCOD ในวันที่ 30 กันยายน 2560

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะเข้าซื้อหุ้นที่ออกและจำหน่ายทั้งหมดในบริษัท เศรษฐีสุพรรณ ไบโอกรีน เพาเวอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย กำลังการผลิต 2 MWซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีและได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบแล้ว เมื่อเดือนตุลาคม2558 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าลงทุนรวมในโครงการนี้ไม่เกิน 197 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลผ่านบริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในจังหวัดนครศรีธรรมราช สุโขทัยและอุดรธานี โดยแต่ละโครงการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 990 กิโลวัตต์ รวมทั้ง 3 โครงการมีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 2.97 MW ซึ่งใช้เงินลงทุนโครงการละ 120 ล้านบาท หรือรวมเงินลงทุนประมาณ 360 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. เรียบร้อยแล้ว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSTC กล่าวว่า จากแผนการลงทุนดังกล่าว ซึ่งทางที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ความเห็นควรให้อนุมัติการลงทุนโครงการทั้งหมด คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2558 ซึ่งกำหนดจัดในวันที่ 23 ธันวาคม2558 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้พิจารณาอนุมัติแผนการลงทุน และแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น492,597,533.30 บาท จากเดิม 224,567,750 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 2,680,297,833 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงิน 268,029,783.30 ล้านบาท ซึ่งจะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 2,211,419,375 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.40 บาท ส่วนที่เหลือจะรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ PSTC-W1 จำนวนไม่เกิน 442,283,875 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้กับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 5 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบแสดงสำคัญสิทธิ ในราคา 0.50 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะได้รับเงินทั้งสิ้น 1,106 ล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

จากแผนการลงทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2559บริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกทั้งหมด 13 MW และในปี 2560 บริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวภาพและ ชีวมวลเพิ่มอีก 11 MW ทำให้รวมแล้วบริษัทจะรับรู้รายได้จาการโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกทั้งสิ้น 24 MW ซึ่งยังไม่รวมถึงโครงการที่บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและขยะ หรือจะเป็นโครงการโซล่าร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับงานมาอีกจำนวนหนึ่ง"เรามีแผนลงทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกอีกหลายโครงการ จึงจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพื่อระดมเงินลงทุนรองรับการขยายตัวทางธุรกิจซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ PSTC ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต" นายพระนาย กล่าว