การฉีดฟิลเลอร์นั้น มีข้อควรระวังอยู่ 3 ปัจจัย คือ 1.ตัวผู้ทำการฉีดต้องมีความรู้ ความชำนาญสูง และต้องเป็นแพทย์เท่านั้น ถึงแม้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์สูงสุดก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ 2.สารที่ใช้แม้ว่าเป็นสารที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรืออย. แล้ว ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงได้ แม้แต่การดูดไขมันของตัวเองมาฉีดก็เกิดอันตรายได้เช่นกัน 3. ตัวผู้รับการฉีด แต่ละคนมีกายวิภาคที่ต่างกัน ตำแหน่งของเส้นเลือดเส้นประสาทอาจมีความแตกต่างจากคนอื่นได้ โดยเฉพาะผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัด การฉีด การร้อยไหม จะมีพังผืดทำให้เกิดอันตรายง่ายขึ้นอีก
การใช้สารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์ สำหรับการรักษาผิวพรรณ นั้น ใช้หลักการคือ ผิวหนัง ซึ่งจะมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ คือใยคอลลาเจนและสารไฮยาลูโรนิค ที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำมากกว่าตัวเองร้อยเท่า มีหน้าที่สำคัญโดยเป็นองค์ประกอบที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีรูปทรงเต่งตึง เมื่อเวลาผ่านไปเข้าสู่วัยชราพบว่า ใยคอลลาเจนและสารอุ้มน้ำจะค่อย ๆ มีจำนวนลดน้อยลง มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผิวหนัง จะมีลักษณะบางลง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นเพื่อแก้ไขภาวะดังกล่าว จึงมีความพยายามหาทางแก้ไขโดยการฉีดสารจากภายนอกเข้าไปในผิวหนังเพื่อทดแทนหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าฟิลเลอร์นั่นเอง
ถึงแม้ว่า "ฟิลเลอร์" จะเป็นสารที่มีความมหัศจรรย์ก็จริง แต่ก็จะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์จริง ๆ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋า หรือแม้แต่ซื้อสารเหล่านี้มาฉีดเองจากในอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียเพราะเห็นว่ามีราคาถูก ที่ผ่านมาสมาคมแพทย์ผิวหนังฯได้แนะนำเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มให้ปลอดภัย และมีการจัดอบรมแพทย์ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือเวลาเกิดผลข้างเคียงฉีดเข้าเส้นเลือดที่ทำให้ตาบอด หรือเนื้อตายบริเวณผิวหนังจุดต่าง ๆ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้แพทย์ได้ทราบ และแก้ไขได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งหากประชาชนท่านใดหรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถเข้ามาฝากคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางผิวหนัง ในระบบอีเมล์ สามารถส่งคำถามมาได้ที่อีเมล์ [email protected] ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จะให้บริการตอบคำถามแก่ประชาชนทุกท่านโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ หรือสามารถเข้ามาศึกษาได้ที่เว็บไซต์ www.dst.or.th