กัปตันอิทธินัย ยิ่งศิริ ผู้นำแห่งเรือไพน์ แปซิฟิค ในรุ่นพรีเมียร์ กล่าวถึงชัยชนะในวันที่สามว่า "วันนี้เป็นการแข่งขันคอร์สยาวถึง 30 ไมล์ทะเล ประกอบกับลมมีกำลังดีตลอดวันโดยเฉลี่ยที่ 12-14 นอต บางครั้งขึ้นไปถึง 16 นอต แม้กระแสลมจะไม่เปลี่ยนทิศมากจนต้องแต่งใบเรือมากเหมือนเมื่อวาน แต่ลูกเรือทุกคนก็ต้องใช้ความแข็งแรงมากกว่าและแล่นติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากต้องสู้กับกำลังลมที่แรงกว่า เมื่อผ่านมาครึ่งทางแล้ว เราเริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีในการคว้าแชมป์ในปีนี้อีกครั้ง แต่ก็ยังประมาทไม่ได้เช่นกัน"
ส่วนเรือราชนาวี 1 รุ่นโมเดิร์นคลาสสิคซึ่งตกมาอยู่อันดับ 4 ในวันนี้ยังคงมีหวังในการคว้าแชมป์เช่นกัน โดยเรือเอกนาวี เนื่องจำนงค์ ผู้จัดการเรือราชนาวี 1 เปิดเผยว่า "เนื่องจากเราใช้เรือเล็กในการแข่งจึงค่อนข้างเสียเปรียบเรือที่ใบเรือใหญ่กว่า วันนี้ลมแรงทำให้เราถูกทิ้งห่างค่อนข้างมาก เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องความเร็ว แต่ในการแข่งขันช่วงครึ่งแรกทั้งสามวันที่ผ่านมา เรายังคงมีคะแนนรวมนำอยู่ ในการแข่งขันอีกสองวันที่เหลือน่าจะเป็นการแข่งขันแบบอ้อมทุ่น ซึ่งเรือเล็กอย่างเราจะได้เปรียบ เราจึงวางแผนจะเก็บคะแนนในช่วงท้ายให้ได้ดีที่สุด และคิดว่ายังมีหวังค่อนข้างมากที่จะได้แชมป์ในปีนี้"
ส่วนการแข่งขันเรือใบใหญ่ประเภทคีลโบ๊ทและมัลติฮัลล์รุ่นอื่นๆ ในวันที่สามมีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำของวันในหลายรุ่น อาทิ รุ่นไออาร์ซี 0 เรืออะไลฟ์ จากออสเตรเลีย สามารถแซงขึ้นมาเป็นที่ 1 ในวันนี้ ส่วนรุ่นไออาร์ซี 2 ผู้นำตกเป็นของเรือเจสแซนดร้า II จากออสเตรเลีย ในขณะที่เรือ ป๊อปอาย จากรัสเซีย และ เรือทวินชาร์ค จากสหราชอาณาจักร ยังคงยึดตำแหน่งผู้นำได้อีกวันในรุ่นโอเพ่นชาร์เตอร์ และ รุ่นไฟร์ฟลาย 850 สปอร์ต ตามลำดับ
กระแสลมแรง 12 นอตยังทำให้การแข่งขันเรือใบเล็ก "อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส" มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นกระแสลมแรงพอเหมาะที่เอื้อให้นักกีฬาเยาวชนสามารถเล่นตามแผนได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับลมที่แรงเกินไป ซึ่ง นาวาโท พีระ สกุลเต็ม ผู้จัดการแข่งขันและผู้ฝึกสอนในรายการอินเตอร์เนชั่นแนลดิงกี้คลาส กล่าวว่า "ลมที่แรงพอเหมาะเช่นนี้ทำให้เด็กๆ สามารถมีสมาธิกับการเล่นและสามารถวางแผนให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของสนามแข่งได้ดี ส่งผลให้เกมสนุกมากกว่าการแข่งขันทั้งสองวันที่ผ่านมากเป็นอย่างมาก ซึ่งเราสามารถจัดการแข่งขันได้ทั้งสามรอบตามแผน และทำให้แข่งเสร็จตามเวลาที่ต้องการ ซึ่งเราคาดว่าการแข่งขันในวันสุดท้ายจะได้เห็นการขับเคี่ยวของนักกีฬาเยาวชนที่สนุกสนานอย่างแน่นอน"
การแข่งขัน เรือใบภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าครั้ง ที่ 29 ประกอบด้วยการแข่งขันประเภทคีลโบ๊ตและมัลติฮัลล์รวม 13 รุ่น และเรือใบเล็กอินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส รวม 5 ประเภท ได้รับความสนใจจากนักกีฬาเรือใบทั้งในภูมิภาคและจากทวีปต่างๆ กว่า 1,500 คนจากมากกว่า 40 ประเทศ นำเรือใบทั้งประเภทคีลโบ๊ทและมัลติฮัลล์และเรือใบเล็กมากกว่า 168 ลำ
งานแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ดำเนินงานโดยคณะกรรมการจัดงานการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ภายใต้สโมสรเรือใบราชวรุณ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมด้วยสมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กองทัพเรือ และจังหวัดภูเก็ต เริ่มต้นจัดงานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา
การแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 29 มีผู้ให้การสนับสนุนได้แก่ กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประเทศไทย เป็นผู้สนับสนุนหลักการจัดงาน ร่วมด้วยองค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน), และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้ร่วมสนับสนุน ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) , บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), ไวน์มองต์แคลร์โดยสยามไวเนอรี่, และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ส่วนพันธมิตรสื่อมวลชนของงาน ได้แก่ Phuket Gazette, PGTV, Prestige, SailWorld.com, Yachtstyle, Sea Yachting, Phuket Magazine, Image Asia, The Guide Phuket, RL Magazine, Phuket Marine Guide และ Art & Culture
ผู้สนใจสามารถเข้าชมรายละเอียดงานได้ที่เว็บไซต์ www.kingscup.com โทรศัพท์/แฟกซ์ +66 (0) 7627 3380 หากต้องการรายละเอียดการจัดงานทั่วไป อีเมล์ [email protected] ส่วนรายละเอียดการแข่งขันอีเมล์ [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit