นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 แม้จะมีปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างทรงตัว แต่ยังมีอัตราเติบโตที่ดีประกอบกับนโยบายของภาครัฐในเรื่องของการลดค่าธรรมเนียมการโอนอยู่ที่ 0.01% ถือว่าเข้ามาช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ สำหรับบริษัทฯ ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีรายได้สิ้นสุดไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,456 ล้านบาทเติบโตกว่า 100 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา (ไตรมาส 3 ปี 2557) ในปี 2560 คาดการณ์รายได้จะมาจากโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศ 40% โครงการที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ 48% และรายได้ประจำจากการบริหารโรงแรมและโครงการธุรกิจให้เช่า 12%
สำหรับในปี 2559 แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง ยังมีความผันผวนทั้งในตลาดโลกรวมถึงประเทศไทย แต่ชาญอิสสระ มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม มีแนวโน้มเติบโตได้ โดยมองว่า ปัจจัยด้านบวกที่จะส่งผลต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ทำเลที่ตั้งของโครงการ จะเห็นได้ว่าสำหรับตลาดในกรุงเทพมหานคร แนวโน้มของโครงการบ้านพักอาศัยระดับไฮเอนด์สามารถเติบโตได้อยู่เพราะยังคงมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้า ส่วนตลาดต่างจังหวัด โครงการที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยว จะได้รับความสนใจและตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า
และในขณะเดียวกัน สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองของโลกอาจจะส่งผลให้เกิดกำลังซื้อและผลิตภัณฑ์มวลรวมลดลงบ้าง แต่สำหรับในประเทศไทย ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ เพราะคณะทำงานของรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายที่เข้ามาช่วยส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียน และกำลังซื้อของลูกค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น มองว่า ไตรมาส 3-4 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะดีขึ้นแน่นอน
นายสงกรานต์ ยังให้มุมมองเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่อไปว่า เนื่องจากยังมีความต้องการของตลาด ทั้งในส่วนของผู้อยู่อาศัยและนักลงทุน รวมไปถึงการสร้างรถไฟฟ้าใหม่หลายเส้นทางจะเป็นตัวกระตุ้นตลาด โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง มีราคาสูงอย่างแน่นอน นอกจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครแล้ว โครงการตามหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน-ชะอำ เขาใหญ่ ฯลฯ
ในปี 2559 โครงการของชาญอิสสระ ที่คาดว่าจะเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการ บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ บนทำเลที่ตั้งถนนพระราม 9 จำนวน 1 โครงการ ทั้งหมด 20 ยูนิต ราคาเริ่มต้นหลังละ 60 ล้าน มูลค่าโครงการรวม 1,300 ล้านบาท โครงการ บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ บนทำเลที่ตั้งถนนบางนา จำนวน 1 โครงการ ทั้งหมด 43 ยูนิต ราคาเริ่มต้นหลังละ 29 ล้าน มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศวิลล่า ที่ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 8-10 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 250 ล้านบาทและโครงการโรงแรมที่ชะอำ-หัวหิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง คือ โครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ แบรนด์ อิซซี่ ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับล่าง รวมไปถึงความร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาในส่วนของโครงการที่พักอาศัย โรงแรม ฯลฯ ทั้งในและต่างประเทศ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit