ท่านมุ้ยทรงโปรด “ฉากพระเจ้าเสือท้าไอ้สินชกมวยคาดเชือกหมายชิงนวล” ไม่สั่งเทค ปล่อยผู้พันเบิร์ดระดมหมัดเท้าเข่าศอก ใส่เต้ยไม่ยั้ง

11 Dec 2015
เรียกได้ว่าเป็นที่จับตามองตั้งแต่ ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ประกาศสร้าง "พันท้ายนรสิงห์ฉบับพุทธศักราช 2558" แถมยังได้ 2 นักแสดงชายสุดฮอตแห่งยุคอย่าง ผู้พันเบิร์ด พันโทวันชนะ สวัสดี และ หนุ่มเต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ มาปะทะบทบาทกันเป็นครั้งแรกในบท พระเจ้าเสือ และพันท้ายนรสิงห์ เรียกได้ว่าดึงเอาศักยภาพ เสน่ห์และความสามารถของทั้งคู่ออกมาปะทะเฉือดเชือนกันแบบจัดเต็ม เราจะได้เห็นตั้งแต่เป็นคู่อริแลกด้วยเลือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมิตรแท้ จนถึงเป็นกษัตริย์เจ้าเหนือหัว และข้าราชแผ่นดินผู้ซื่อสัตย์กันเลยทีเดียว งานนี้ท่านมุ้ยเลยอัดแน่นทั้งฉากอารมณ์ ซาบซึ้งประทับใจ ไปจนถึงฉากบู๊แอ็คชั่น ให้ทั้งคู่ได้โชว์กันเต็มที่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่พระเจ้าเสือปลอมตัวเป็นทิดเดื่อมายังหมู่บ้านวิเศษชัยชาญ และขอเปรียบมวยโดยมี "นวล" (มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย) เป็นเดิมพัน มีหรือที่ไอ้สินจะยอมให้คนกรุงมาหยามเกียรติถึงถิ่น และในการถ่ายทำฉากมวยคาดเชือกที่ "พระเจ้าเสือต้องต้องแลกหมัดกับไอ้สิน" กลายมาเป็นฉากที่สร้างความประทับใจให้กับท่านมุ้ยเป็นอย่างยิ่ง ทรงวางน้ำหนักของตัวละครทั้งสองเทียบเคียงกันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่ให้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

"ต้องให้เท่ากันครับ ส่วนเคมีทางด้านการแสดงระหว่างเต้ยกับผู้พันเบิร์ด หรือระหว่างสินกับพระเจ้าเสือเป็นอย่างไรบ้าง โอเคเลยครับ ทั้งคู่ดูเป็นเพื่อนรักกันได้เลยนะครับ (หัวเราะ) แล้วก็สามารถเป็นเจ้านายกับบ่าวได้ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีฉากสำคัญของทั้งคู่ที่ผมก็พอใจมากๆ เลยก็คือฉากชกมวยของทั้งคู่ โดยที่ผู้พันเบิร์ดหรือพระเจ้าเสือต้องไปฝึกต่อยมวยแบบโบราณมาก่อนนะครับ และที่สำคัญคือเป็นฉากต่อยมวยที่ดูแล้วรู้สึกได้ว่าเขารำมวยได้เข้าท่าเลยทีเดียว แล้วผู้พันเบิร์ดต่อยอย่างจริงจังมากๆ ซึ่งก็ค่อนข้างจะมีแรงปะทะ แต่ขณะเดียวกันเวลาเตะพระเจ้าเสือบางทีก็เขียวช้ำไปทั้งตัวเหมือนกัน จะเห็นว่าแกทำได้จริงๆ เต้ยเองก็เหมือนกันเลยครับ ทั้งคู่ต้องฝึกมวยกันอย่างหนัก แล้วเต้ยตอนนั้นเขาใหม่ เขาสดมากๆ ครับ เราก็ต้องส่งเขาไปฝึกมวยครับ ต้องไปฝึก แล้วก็ต้องเจ็บด้วย เพราะว่าตอนถ่ายทำเราไม่ตัดเลยครับ คัทนั้นเราถ่ายยาวตลอดเลยปล่อยให้ทั้งคู่เล่น"

ฟังผ่านมุมมองของผู้กำกับแล้ว คราวนี้ลองฟังความรู้สึกของนักแสดงอย่าง หนุ่มเต้ย พงศกร ที่ในขณะนั้นเรียกได้ว่ากำลังสดใหม่ และต้องมาเข้าฉากบู๊แบบเต็มๆ หมัดเต็มๆ แข้งกับผู้พันเบิร์ด โดยมีศอกของผู้พันเบิร์ดเป็นของแถมกลับบ้านไป

เต้ย พงศกร : สำหรับฉากต่อยมวยระหว่างสินกับทิดเดื่อ เป็นอีกฉากสำคัญที่พระเจ้าเสือกับไอ้สินจะต้องหันมาเผชิญหน้ากัน เบื้องหลังเราต้องเร่งถ่ายทำท่ามกลางความกดดันของแสงที่กำลังจะหมดไป วันนั้นเราเล่นกันแบบสดๆเพื่อความสมจริงมากๆ ใส่กันสดๆ เลย วันนั้นผมก็เลยได้เจอศอกของพี่เบิร์ดมาเต็มๆ พี่เบิร์ดเองก็โดนผมเตะเหมือนกัน เตะกันจริง ต่อยกันจริง ใช้จากที่เคยฝึกเรียนการชกกันมา แน่นอนว่ามีโดนจริงครับ พี่เบิร์ดเขายกมือขึ้นมาบล็อกไม่ทัน มันก็เลยโดนไปนิดหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นมาพี่เบิร์ดก็เอาคืนผมหมดเลย (หัวเราะ) พี่เบิร์ดมีท่าตวัดศอกกลับมาด้วย รู้สึกตอนนั้นเหมือนต่อยมวยกันจริงๆ เลย แต่มวยคนละไซส์ ลองนึกถึงไซส์พี่เบิร์ดกับไซส์ผมนะครับ (หัวเราะ) คนละไซส์กันเลย พี่เบิร์ดตัวหนากว่ามากเลย เตะทีนี่ไม่สะเทือนเลย แล้วรูปแบบการชกของเราสองคนก็คือการชกมวยคาดเชือกครับ เพราะว่ามีพันแขนด้วย

ขณะที่ผู้พันเบิร์ดได้ให้ข้อสังเกตถึงฉากแอ็คชั่นที่แฟนๆ จะได้ชมใน "พันท้ายนรสิงห์" ว่ามีความแตกต่างจาก "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"ตรงที่จะมีลักษณะประชิดตัว และถึงลูกถึงคนมากกว่าการเน้นใช้อาวุธหรือรบพุ่งในรูปแบบสนามรบ ทำให้งานนี้ทั้งผู้พันเบิร์ดและหนุ่มเต้ยก็เลยต่างประเคนหมัดเท้าเข่าศอกกันอย่างถึงลูกถึงคนกันเลยทีเดียว

"ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นในยุคสมัยที่การสงครามมีน้อย เพราะฉะนั้นการต่อสู้หรือฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้จะแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร จะเรียกว่าต่อยตีถึงลูกถึงคนแบบชาวบ้านมากกว่า เช่นจับมีดฟันเลย หรือต่อยกันใช้เข่าใช้ศอกใช้หมัดกอดปล้ำรัดซึ่งจะถูกถ่ายทอดออกมาลักษณะนี้ในฉากแอ็คชั่น ซึ่งมันจะค่อนข้างประชิดตัวมากขึ้นกว่า จะไม่มีอุปกรณ์อื่นมาช่วย การสู้รบหรือต่อยตีแบบนี้จะเป็นลักษณะไร้รูปแบบ เมื่อแอ็คชั่นก็เตะมาก่อน อีกฝ่ายก็จะมีการยกแขน ยกแข้งกัน กัน กันไว้ก่อน มีจับล็อค บางครั้งก็เกิดเป็นมวยสด บางทีก็นอกคิว แล้วท่านมุ้ยเองท่านก็ไม่สั่งคัทสักที ผมกับเต้ยก็มองตากัน เอาวะ บางทีก็พลาด ผมนี่มองตาเต้ยกะให้เต้ยหลบนะ ปรากฎเต้ยไม่หลบซัดตูมเลย ขึ้นมาใหม่ เต้ยตอนนั้นเขาสดอยู่ ช่วงนั้นคือยังวัยรุ่นอยู่มาจับผมกอดผมปล้ำอีกเฮ้ย แรงดีเว้ย ระหว่างที่สู้กัน ท่านก็ยังไม่ยอมคัท คิวสดเลยครับก็ไล่กันไป วิ่งหนีกันบ้างเตะบ้างก็ถือว่าเป็นคิวสด เป็นการต่อสู้ในฉากแอ็คชั่นที่สนุกสนานมากๆ ครับ"

ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรสชาติของการทำงานที่เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์และทุ่มสุดตัวของ2พระเอกหนุ่มที่เราจะได้ชมกันเต็มๆ กันในโรงภาพยนตร์สำหรับ "พันท้ายนรสิงห์" จากผลงานการกำกับภาพยนตร์โดยท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลที่แฟนๆ ไม่ควรพลาด โปรแกรมทองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 30 ธันวาคมนี้พร้อมกันทุกโรภาพยนตร์