มายด์แชร์และยูนิลิเวอร์ร่วมกับนีลเส็นริเริ่มวัดเรทติ้งทีวีและออนไลน์ควบคู่กันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

15 Jun 2015
มายด์แชร์ เอเยนซี่เครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร เผยในวันนี้ว่าการร่วมมือกันครั้งแรกในไทยระหว่างมายด์แชร์ ยูนิลิเวอร์ และนีลเส็นในการวัดเรทติ้งทีวีและออนไลน์ควบคู่กันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยสืบเนื่องมาจากการตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่นตามหัวเมืองใหญ่และกรุงเทพที่รับชมทีวีคอนเทนต์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน หรือออนไลน์แฟลตฟอร์มมากขึ้น มายด์แชร์และยูนิลีเวอร์จึงเล็งเห็นโอกาสในการวางแผนโฆษณาบนออนไลน์แฟลตฟอร์มเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นและริเริ่มการวัดเรทติ้งเพื่อให้เกิดการวางแผนสื่อที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คุณปัทมวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการมายด์แชร์ กล่าวว่า “แบรนด์จะต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งที่จะปรับการสื่อสารของตนให้เข้ากันหรือสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค มายด์แชร์เห็นโอกาสที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคสื่อจอคู่หรือดูโอ้ สกรีน (dual screens) ที่เป็นเชิงบวกในปัจจุบัน เราจึงพัฒนาการใช้เทคโนโลยีและการวิเคาะห์ข้อมูลเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดสืบเนื่องมาจากการมองไปของหน้าของยูนิลิเว่อร์และมายด์แชร์ร่วมกับนีลเซ็น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิคที่สามารถวัดการเข้าถึงของกลุ่มผู้บริโภคควบคู่ทั้งทีวีและออนไลน์ที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด”

คุณปิยนุช มีมุข ผู้อำนวยการการวางแผนและกลยุทธิ์สื่ออนไลน์มายด์แชร์ กล่าวว่า “ไม่เพียงแต่เราจะทราบเรทติ้งและการเข้าถึงจากการบริโภคจอคู่เท่านั้น เรายังทราบด้วยว่าการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้นจากการลงงบในออนไลน์เป็นสัดส่วนเท่าใด และกลุ่มเป้าหมายใดที่มีการเข้าถึงเพิ่มขึ้นบนออนไลน์ และจากประเภทของสื่อดิจิตอลไหนที่เข้าถึง การประเมินผลการโพสต์ของทีวีและแคมเปญออนไลน์ รวมไปถึงความสามารถในการจำลองสถานการณ์ที่แตกต่างกันเพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำไปวางแผนการสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ข้อคิดสำหรับนักการตลาด

1. ทีวี ยังคงเป็นสื่อที่สำคัญของผู้บริโภคแต่มีทิศทางการชมที่ลดลง ในขณะที่พฤติกรรม การรับชมสื่อหลายจอมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

2. พฤติกรรมการรับชมสื่อหลายจอจะเพิ่มขึ้น และเป็นการทับซ้อนระหว่างทีวี และออนไลน์

3. สื่อออนไลน์สามารถถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากกว่าทั้งยังเป็นการใช้งบที่มีประสิทธิผลมากกว่า

4. ยิ่งใช้งบลงออนไลน์มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นเท่านั้น

5. อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นที่เสพสื่อโทรทัศน์น้อยลง