ยนตรกรรมฮอนด้าที่ผลิตในประเทศทุกรุ่น ได้รับเครื่องหมาย “ฉลากเขียว” ทั้ง 12 รุ่น ได้แก่ บริโอ้, บริโอ้ อเมซ, แจ๊ซ, ซิตี้, ซิตี้ ซีเอ็นจี, ซีวิค, ซีวิค ไฮบริด, โมบิลิโอ, แอคคอร์ด, แอคคอร์ด ไฮบริด, เอชอาร์-วี และซีอาร์-วี เพื่อเป็นการรับรองว่าได้ผ่านข้อกำหนด เป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้ การทิ้งทำลาย ตลอดจน การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบัน ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพียงรายเดียวที่ได้รับเครื่องหมายฉลากเขียว อีกทั้ง รถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นยังได้รับการผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเฉพาะด้านความปลอดภัยจากโรงงานของฮอนด้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001: 2008 และได้รับการรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001
นายหทัย อู่ไทย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว “ขอแสดงความยินดีกับฮอนด้าในโอกาสที่รถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยทุกรุ่นได้รับเครื่องหมายฉลากเขียว โดยฮอนด้าเป็นหนึ่งใน องค์กรจากภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญและตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยความทุ่มเทในการค้นหาแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและครอบคลุมในทุกกระบวนการ ด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน โรงงานผลิตรถยนต์ ฮอนด้าแห่งนี้ถือเป็นโรงงานสีเขียวอย่างแท้จริง ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องขอขอบคุณและชื่นชมในความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการรักษาคุณภาพการผลิตตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “จากการประกาศวิสัยทัศน์ปี 2020 ของบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) เมื่อปี 2010 ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมี CO2 ต่ำ และการประกาศเจตนารมณ์ในการลด การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 30% จากทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ฮอนด้าจึงได้มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อลด การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เสมอมา เพื่อส่งมอบสังคมที่ยั่งยืนให้กับลูกหลานในอนาคต ตอกย้ำถึงพันธสัญญา ด้านสิ่งแวดล้อมของฮอนด้า “Blue Skies for Our Children” หรือ “ท้องฟ้าที่สดใสเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป”
นายพิทักษ์ กล่าวเสริมว่า “พนักงานทุกคนที่โรงงานฮอนด้ามุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเสมอมา ตั้งแต่การสำรวจ สังเกต คิด วิเคราะห์ ข้อมูลต่างๆ ในกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน เพื่อนำเสนอแนวทาง และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้โรงงานฮอนด้าเป็นโรงงานสีเขียวอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมาย
พื้นฐานที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต คือ การนำหลักการ 3R มาใช้ ได้แก่ Reduce (ลดการใช้), Reuse (การใช้ซ้ำ) และ Recycle (การนำกลับมาใช้ใหม่) มาประยุกต์ใช้ในทุกกิจกรรม รวมถึงการดำเนินงานตาม นโยบายโรงงานสีเขียว โดยเน้นการอนุรักษ์พลังงาน การลดปริมาณของเสีย และการอยู่ร่วมกับชุมชน ภายใต้การดำเนินงานใน 5 หลักการสำคัญ ได้แก่
1) การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ
2) การลดปริมาณการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากกระบวนการพ่นสี
3) การลดการใช้ทรัพยากรน้ำ
4) การจัดการของเสียภายในโรงงาน
5) การขยายการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมสู่ชุมชน”
ซึ่งในปัจจุบัน โรงงานสีเขียวของฮอนด้ามีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 410 กิโลกรัมคาร์บอนต่อการผลิตรถ 1 คัน และภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ในปี 2017 ฮอนด้าตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ที่ 392 กิโลกรัมคาร์บอนต่อการผลิตรถ 1 คัน และภายในปี 2020 จะลดปริมาณให้อยู่ที่ 327 กิโลกรัมคาร์บอนต่อการผลิตรถ 1 คัน โดยในปี 2557 สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 3,300 ตันคาร์บอนต่อปี หรือเทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ได้ถึง 6,679 ไร่
นอกจากโรงงานสีเขียวที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยาแล้ว โรงงานใหม่ซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่สองของฮอนด้า ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี ยังได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "ผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก ในโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก" (Producing the world’s cleanest products at the world’s cleanest plant) ด้วยเทคโนโลยีและระบบการผลิตอันทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมอันล้ำสมัยมาจากโรงงานโยริอิ ซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบของฮอนด้าที่ประเทศญี่ปุ่น โรงงานใหม่แห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโรงงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อผู้คนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดของฮอนด้า ปัจจุบัน การก่อสร้างโรงงานแห่งนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตบางชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ในเดือนตุลาคม 2558 และเปิดดำเนินการผลิตเต็มรูปแบบในช่วงเดือนมีนาคม 2559
ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่ฮอนด้าได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งมั่นรักษาสมดุลทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ การช่วยเหลือสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมเสมอมา เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าชาวไทย และเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการเป็น องค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป