บริษัทเอ็ม บี เค ก่อตั้งในปี 2517 ปัจจุบัน บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มธนชาตเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทในสัดส่วนรวม 20% บริษัทดำเนินธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ตลอดจนโรงแรม สนามกอล์ฟ การพัฒนาที่อยู่อาศัย ธุรกิจอาหาร และธุรกิจการเงิน โดยเป็นเจ้าของและบริหารจัดการศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้ามีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าติดกับย่านสยามสแควร์ในใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะมีธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับสินทรัพย์หลักอันได้แก่ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ “โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยในปี 2557 สินทรัพย์ดังกล่าวสร้างรายได้ประมาณ 35% และสร้างกระแสเงินสดประมาณ 57% ให้แก่บริษัท
เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ บริษัทจึงได้ขยายการลงทุนในธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นโดยได้กลับมาเปิดให้บริการพื้นที่ให้เช่าใน “ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค” ในปี 2553 และเปิด “เดอะ ไนน์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) ในปี 2554 บริษัทยังเปิดศูนย์การค้าชุมชนแห่งใหม่ “ ฮาฮา มาร์เก็ต” ในช่วงปลายปี 2557 ซึ่งตั้งอยู่ติดกับศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์คบนถนนศรีนครินทร์และมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 18,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัดส่วนการลงทุน 31% ใน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารศูนย์การค้าในย่านสยามสแควร์ด้วยเช่นกัน ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทบริหารพื้นที่ค้าปลีกรวม 200,145 ตร.ม. และพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 54,468 ตร.ม.
สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและให้บริการโรงแรม 6 แห่งในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโดยมีจำนวนห้องพักรวม 973 ห้อง ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 23.5% สู่ระดับ 7.88 ล้านคนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 ซึ่งส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 84.1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับระดับ 64.2% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราค่าห้องพักปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 3,375 บาทต่อคืนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 ส่งผลให้อัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ของบริษัท (Revenue Per Available Room - RevPAR) โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 2,076 บาทต่อคืนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 เป็น 2,838 บาทต่อคืนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558
สำหรับธุรกิจให้บริการทางการเงินนั้น บริษัทให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ผ่านการดำเนินงานของ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด และให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ผ่าน บริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด ในช่วงระหว่างปี 2557 บริษัทได้มีการจำกัดการให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญในกระบวนการจัดเก็บหนี้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์คงค้างของบริษัทจึงหดตัวลงจาก 2,188 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2556 เป็น 2,001 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2557 ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 7% ในปี 2556 เป็น 5% ในปี 2557 ในส่วนการให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันลดลงจาก 4,999 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2556 เป็น 3,630 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2557 เนื่องจากลูกค้าที่มีสินเชื่อขนาดใหญ่ครบกำหนดชำระ ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อคงค้างที่มีอสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 1% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีรายได้ลดลง 1.7% เป็น 9,114 ล้านบาทอันเนื่องมาจากการส่งออกข้าวที่ลดลงและผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมที่อ่อนตัวลงจากความวุ่นวายทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% สู่ระดับ 2,322 ล้านบาทจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 34.6% ในปี 2557 และเพิ่มขึ้นเป็น 39% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอันได้แก่ธุรงกิจโรงแรม อาหาร และสนามกอล์ฟ
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 16,374 ล้านบาทเนื่องจากการสำรองเงินสดเพื่อการจัดการสภาพคล่องและเพื่อโอกาสในการลงทุน ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 48.2% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 จากระดับ 45.4% ในปี 2557
สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2557 ปรับลดลงสู่ระดับ 2,773 ล้านบาท โดยเงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2556 ที่อยู่ระดับสูงนั้นเนื่องจากบริษัทมีกำไรจากการขายทรัพย์สินจำนวน 3,095 ล้านบาท อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวลดลงจาก 42.4% ในปี 2556 เป็น 19.8% ในปี 2557 สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 628 ล้านบาท ส่วนอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 16.8% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) โดย ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 593 ล้านบาทและมีเงินลงทุนชั่วคราวมูลค่า 3,769 ล้านบาท ในขณะที่มีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 3,053 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในปี 2558 โดยไม่มีภาระหนี้ระยะยาว
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในอัตราปานกลางจากการเพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่และการให้สินเชื่อเพิ่มในธุรกิจให้บริการทางการเงิน อัตรากำไรของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35% บริษัทมีแผนในการลงทุนในแต่ละปีประมาณ 1,000 ล้านบาทโดยใช้กระแสเงินสดภายในของบริษัท โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะอยู่ในระดับ 40%-50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK)อันดับเครดิตองค์กร: Aอันดับเครดิตตราสารหนี้:MBK163A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AMBK188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AMBK188B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AMBK207A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AMBK207B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AMBK227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AMBK229A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AMBK229B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AMBK27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 Aแนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit