นายกำพล โชคสุนทสุทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอแซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ระบบ RFID มีความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจเป็นอย่างมาก แม้ว่าในอดีตบทบาทของ RFID จะอยู่ที่การจัดการด้านโลจิสติกส์ แต่ในปัจจุบัน RFID มีการพัฒนาจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ทุกประเภท โดยกรอบของการประยุกต์ใช้จะอยู่ที่การจัดเก็บข้อมูล การบันทึกข้อมูลปริมาณมากต่อเนื่อง การติดตามผลการทำงานและการนำผลที่เกิดขึ้นมาประมวลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันระบบถูกพัฒนาให้ผู้ใช้มีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล มีฟังก์ชั่นในการทำงานมากขึ้น แต่มีต้นทุนในการพัฒนาระบบต่ำลง การที่สำนักโลจิสติกส์จัดทำโครงการ“ส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode” ขึ้น จึงสะท้อนให้ผู้ประกอบการเห็นมุมมองสำคัญ 2 ด้าน ด้านแรกคือระบบ RFID สามารถมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ด้านที่สองคือความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีโดยคนไทย ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการในการใช้ระบบ RFID ต่ำลง จนสามารถนำมาเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในระดับภูมิภาคและในระดับนานาชาติได้ ความสำเร็จของโครงการนี้ส่งผลให้มีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ทุกกลุ่มธุรกิจ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่าพันล้านบาท
นายกำพล กล่าวว่าความสำเร็จของโครงการเกิดจาก สาเหตุสำคัญ 3 ประการคือ ประการแรกคือความเห็นพ้องกันของทั้ง 2 ฝ่าย ในการสร้างจุดเด่นของโครงการ ให้โครงการสามารถเลือกผู้ประกอบการที่มีลักษณะธุรกิจแตกต่างกันเข้าร่วมโครงการ การแยกประเภทธุรกิจชัดเจน ทำให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของระบบ RFID ในการตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพของธุรกิจ เพราะแต่ละธุรกิจจะมีจุดแข็งและจุดอ่อนในการทำงานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้านการประมวลผลข้อมูล ด้านการจัดเก็บสินค้า ด้านการนำส่งสินค้า หรือด้านความปลอดภัย ฯลฯ ประการที่สองคือ ความเชี่ยวชาญของเอเซนเทคในการตอบโจทย์ความหลากหลายของธุรกิจ เราใช้ประสบการณ์ 18 ปีสร้างความสามารถในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ประกอบการได้ตรงจุด ความเป็นบริษัทคนไทยที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของผู้ประกอบการ โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทชั้นนำของโลกให้การสนับสนุนทั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์ สำหรับประการที่สาม คือการที่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ“ส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode” ให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการอย่างรวดเร็ว จึงทำให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งทางเอเซนเทคฯต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ ปัจจุบัน RFID มีการพัฒนาไปมาก สามารถตอบโจทย์ได้กับทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการศึกษา อุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมครัวเรือน อุตสาหกรรมเกษตร หรืองานด้านบริการ ฯลฯ สำหรับผู้ประกอบการรายใดที่สนใจการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โทร. 02-743-2533
สำนักโลจิสติกส์เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาส่งเสริมระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรมตลอดโซ่อุปทาน โดยการเสนอแนะนโยบายและแผนงานในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ดำเนินการพัฒนาส่งเสริมระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงตลอดโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเป้าหมาย จัดทำมาตรฐานและตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์อุตสาหกรรม สร้างองค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และเป็นศูนย์กลางข้อมูลโลจิสติกส์อุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยดำเนินงานตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม (พ.ศ.2555-2559) ใน 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในสถานประกอบการของภาคอุตสาหกรรม (2) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยธุรกิจในโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม และ (3) ยุทธศาสตร์การสนับสนุนการสร้างปัจจัยเอื้อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ในแต่ละปีจะมีการจัดทำโครงการหลายโครงการ หนึ่งในโครงการนั้นคือ โครงการส่งเสริมการปรับกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการใช้เทคโนโลยี Application ระบบ RFID และ Barcode ซึ่งมอบหมายให้ บริษัท เอเซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดทำโครงการ ระยะเวลารวม 240 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 ถึงเดือนกรกฏาคม 2558 ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายจึงทำให้โครงการดังกล่าวดำเนินการสำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว