UWC ก้าวอีกขั้นซื้อโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส พร้อมพืชพลังงานกว่า 1,000 ไร่รับรู้รายได้ทันที โชว์รีเทิร์นสูง 35%

07 Jul 2015
เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWCก้าวอีกขั้น หยิบชิ้นปลามัน เข้าซื้อโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส พร้อมพื้นที่ปลูกพืชพลังงานกว่า 1,000 ไร่ รับรู้รายได้ทันทีปีนี้ ผลตอบการแทนลงทุนสูงถึง 35%

นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เข้าลงทุนในสัดส่วน60% ในบริษัท พาราไดซ์กรีนเอนเนอยี่ จำกัดบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านโรงไฟฟ้า โดยจะมีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท ร่วมทุนกับบริษัท เอสเอฟ ขอนแก่นจำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจฟาร์มในพื้นที่มากว่า 50 ปี ทั้งการทำฟาร์มไก่ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และการปลูกต้นเนเปียร์ซึ่งเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจเกษตรพลังงาน (Agro-Energy) โดยสามารถนำมาผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพที่ผลิตไฟฟ้าใช้อยู่แล้ว และได้ยื่นขอขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยการเข้าลงทุนของ UWC ในครั้งนี้ สามารถยกระดับและขยายธุรกิจด้านพลังงานของบริษัทฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้จากการแปรรูปพืชพลังงานได้ทันทีในปี 2558 และรายได้จะเพิ่มเป็นกว่า 320 ล้านบาทในปี 2559 เป็นต้นไป ส่วนกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านบาทซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนการลงทุน(Project IRR) อยู่ที่กว่า 35% (ในสัดส่วนเงินกู้และเงินทุน 1:1)

"การลงทุนในครั้งนี้ของบริษัทฯ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจด้านพลังงาน ที่สำคัญโปรเจกต์นี้มีความพร้อมอย่างยิ่งทั้งในเรื่องของเชื้อเพลิงที่จะนำมาผลิตไฟฟ้า และมีโรงไฟฟ้าที่พร้อมผลิตไฟฟ้าได้ทันที ที่สำคัญพาราไดซ์กรีนเอ็นเนอยี่เป็นบริษัทที่ทีรายได้อยู่แล้ว ซึ่งเราจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้เลยทันทีในปีนี้" นายพีรทัศน์กล่าว

นายพีรทัศน์ กล่าวอีกว่า UWC จะขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงานเป็น3,500 ไร่ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,000 ไร่ เพื่อเพิ่มวัตถุดิบรองรับการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ปัจจุบัน และขยายศักยภาพในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และแปรรูปพืชพลังงานด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย (Mechanical Farming) และมีการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยมาบริหารจัดการ เช่น การใช้ระบบ GPS และใช้อากาศยานไร้คนขับขนาดเล็ก (Drone) ถ่ายภาพสำรวจพื้นที่เพาะปลูกและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง

ทั้งนี้จากการผลิตก๊าซชีวภาพจะสามารถนำไปผลิตแก๊สไบโอมีเทนอัด หรือ CBG (Compressed Bio-Methane Gas) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ในธุรกิจแทนก๊าซ CNG หรือ NGV ได้ ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันที่ใช้กับยานยนต์ และเมื่อมีปริมาณก๊าซCBG เพิ่มขึ้นหลังจากการเพิ่มกำลังการผลิต บริษัทฯจะสามารถสร้างรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย