KCM โชว์ฟอร์มเจ๋ง Q1/58 กำไรสุทธิ 9.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 72% เดินหน้าเพิ่มช่องทางสั่งออเดอร์ผ่านเว็บ มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า

13 May 2015
บมจ.เค.ซี. เมททอลชีท (KCM) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายหลังคาเหล็กเมททัลชีท ภายใต้ตราสินค้า “รถถัง” โชว์ฟอร์มบริหารเจ๋ง! ประกาศงบไตรมาส 1/58 สุดเริ่ด กวาดรายได้ 169.4 ล้านบาท ฟันกำไร 9.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “นิพนธ์ เจริญกิจ” เชื่อมั่นคำสั่งซื้อจะเข้ามาต่อเนื่อง หลังเพิ่มช่องสั่งออเดอร์ผ่านเว็บไซต์ Builk.com เตรียมสร้างเพิ่ม 3 สาขาใหญ่ หวังโกดัง 2 แห่งในขอนแก่นสร้างเสร็จ ตอบโจทย์แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ-กระจายการลงทุนสู่ภูมิภาค

นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) (KCM) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายหลังคาเหล็กเมททัลชีท ภายใต้ตราสินค้า “รถถัง” และดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโครงเหล็กสำเร็จรูปสำหรับอาคารโรงงาน คลังเก็บสินค้า รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจให้เช่าอาคาร โรงงาน, โกดัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 บริษัทมีรายได้รวม 169.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.26 ล้านบาท “ผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 เติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 เติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากค่าเช่าอาคารสำเร็จรูปจากโครงสร้างเหล็ก ประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการปรับตัวลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากค่าเช่าดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ในแง่ของผลประกอบการของบริษัทยังเป็นที่น่าพอใจ และเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัว ทำให้ยอดขายในปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ Builk.com ที่มีผู้ใช้บริการเป็นกลุ่มธุรกิจก่อสร้างมากกว่า 4,000 ราย และเข้ามาใช้บริการเพื่อสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างนั้นทำให้มีการเข้าถึงบริษัทได้หลายช่องทางยิ่งขึ้น และจะส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มต่างๆ สามารถเข้าถึงการสั่งซื้อได้ง่ายขึ้น และจะส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย

ส่วนความคืบหน้างานก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปให้เช่า 2 แห่ง ในจังหวัดขอนแก่นนั้น กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ และหากก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคงแน่นอน เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นนั้นมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เร่งขยายการลงทุนไปยังต่างจังหวัด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และบริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าอาคารสำเร็จรูปให้เช่าดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งพัฒนา 3 สาขาใหญ่มีเครื่องจักรคือ ภูเก็ต ลำปาง แพร่ ซึ่งเป็นสาขาที่บริษัทมีที่ดินอยู่แล้ว และได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ครบถ้วนหมดแล้วเหลือเพียงการก่อสร้างหากแล้วเสร็จจะสร้างรายได้ให้บริษัทได้เป็นอย่างดี