นายชาติชาย พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นจำนวน 232 ล้านหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนที่จะเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมทั้งอาคารสูง (High Rise) และอาคารเตี้ย (Low Rise) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เป็นเขตชุมชนที่มีศักยภาพและคมนาคมสะดวกตามถนนสายหลักหรือใกล้ระบบขนส่งมวลชนในเส้นทางปัจจุบันและเส้นทางในอนาคต รวมถึงหัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆในภาคต่างๆของประเทศ ที่อยู่ในความต้องการของตลาดและมีศักยภาพในการเติบโต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเห็นศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจจากความต้องการของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ที่ต้องการก่อสร้างโรงงานเพื่อประกอบธุรกิจแต่ยังไม่มีความพร้อมในการลงทุนในระยะยาว บริษัทฯ จึงพัฒนาโครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว โดยเลือกทำเลที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของไทย เช่น นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีระบบสาธารณูปโภคและมีเส้นทางคมนาคมที่เดินทางสะดวก รวมถึงพิจารณาโอกาสการได้รับสิทธิประโยชน์จากเขตส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ช่วยเกื้อหนุนศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการมาเช่าพื้นที่โครงการอีกด้วย
“เราเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและความพร้อมในการรุกขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย เนื่องจากเรามีพันธมิตรทางธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีองค์ความรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ที่ชูจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งของโครงการที่มีศักยภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ ประกอบกับธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า ที่มีความทันสมัยรองรับความต้องการของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศบนทำเลแหล่งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ทำให้ บมจ.ชีวาทัย เป็นบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก” นายชาติชาย กล่าว
ด้านนายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ชีวาทัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมด 9 โครงการ ได้แก่ โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย 6 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,830 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ปิดการขายแล้วได้แก่ โครงการ ชีวาทัย ราชปรารถ ส่วนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างจำหน่ายจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ เดอะสุรวงศ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 52 ยูนิต และโครงการ ชีวาทัย รามคำแหง ความสูง 33 ชั้น จำนวน 535 ยูนิต และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ความสูง 26 ชั้น รวม 279 ยูนิต โครงการฮลลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ ความสูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 427 ยูนิต โครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วาน เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวม 792 ยูนิต
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่านั้น บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการเรียบร้อยแล้ว 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 10 หลัง บนพื้นที่ 26 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวม 17,120 ตารางเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยและธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการชีวาทัย บางโพ คอนโดมิเนียม 1 อาคาร ความสูง 24 ชั้น จำนวน 172 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,040 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในกลางปีนี้และแล้วเสร็จในปลายปี 2559 ขณะที่โครงการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า เฟส 2 บนพื้นที่ 13 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง มูลค่าโครงการ 175 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 4 หลัง รวมพื้นที่ให้เช่ากว่า 9,100 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในกลางปีนี้และแล้วเสร็จในต้นปี 2559
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 580 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 348 ล้านบาทหรือคิดเป็น 348 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จะเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 232 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 40% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขาย เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนพัฒนาโครงการและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit