นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “กิจกรรม คอตตอน เดย์ (Cotton Day) ถือเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองวันเส้นใยฝ้ายที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีใน 4 ประเทศ อันได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวันและไทย ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไลเซนซี ผู้บริโภค และสื่อมวลชน โดยในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของเส้นใยฝ้าย ซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติที่สามารถปลูกทดแทน และย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีความเป็นมิตรต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีคุณสมบัติให้ความอ่อนนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว ระบายอากาศได้ดี และสามารถสวมใส่ได้ทุกฤดูกาล”
โดยความพิเศษของคอตตอน เดย์ในปีนี้คือ การเปิดตัวโกลบอล แคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่อ “I LOVE MY COTTON” ที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ที่ดีในกลุ่มผู้บริโภคเกี่ยวกับ COTTON USA รวมถึงภาพลักษณ์ความเป็น Global Lifestyle Ingredient Brand เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายที่เราได้มีการปรับขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในแฟชั่น สิ่งแวดล้อม และชื่นชอบในเส้นใยฝ้ายรวมไปถึงครอบครัวของคนรุ่นใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังตอกย้ำความพิเศษของฝ้ายในฐานะเส้นใยธรรมชาติที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้การยอมรับและชื่นชอบ รวมถึงนำเสนอคุณสมบัติเด่น 3 ประการของเส้นใยฝ้ายสหรัฐอเมริกาที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้แก่
ความบริสุทธิ์ของเส้นใยฝ้าย (Purity) จากกระบวนการเพาะปลูกตลอดจนการเก็บเกี่ยวฝ้ายที่มีการบริหารจัดการอย่างดี โดยมีการใช้เครื่องจักรอันทันสมัย ฝ้ายธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกาจึงมีคุณภาพสูง ไร้สิ่งเจือปน และไม่ระคายเคืองผิวต่อผู้สวมใส่ จนกล่าวได้ว่า ความบริสุทธิ์ของเส้นใยฝ้ายเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบความบริสุทธิ์ของเส้นใยอื่นๆ
คุณภาพที่ดีของเส้นใยฝ้าย (Quality) ผู้ผลิตฝ้ายใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยตลอดจนความใส่ใจเพื่อให้ได้เส้นใยฝ้ายธรรมชาติที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด มีสีขาว และสัมผัสนุ่ม นอกจากนี้ คำว่า“คุณภาพ” เรายังหมายรวมถึง ไลเซนซีผู้ผลิตและแบรนด์ของคอตตอน ยูเอสเอที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และเลือกใช้เส้นใยฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนผสมหลักมาผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ภายในบ้าน
ผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Responsibility) นับตั้งแต่ปี 2523 ถึง 2554 ผู้ปลูกฝ้ายมีการพัฒนากรรมวิธีการเพาะปลูกฝ้ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการใช้และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยการปลูกฝ้ายในปัจจุบัน สามารถช่วยรักษา 5 ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญให้กับโลกของเรา ได้แก่ ใช้พื้นที่การเพาะปลูกน้อยลง 30% การชะล้างหน้าดินลดลง 68% ใช้น้ำในการเพาะปลูกฝ้ายลดลงถึง 75% ใช้พลังงานในการผลิตลดลง 31% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 22% นอกจากนั้น เส้นใยฝ้ายยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติกลับคืนสู่พื้นโลกอีกด้วย”
โดยคุณสมบัติอันโดดเด่นทั้ง 3 ประการของเส้นใยฝ้ายสหรัฐอเมริกาได้รับการถ่ายทอดผ่านแฟชั่นโชว์ชุดผ้าฝ้ายที่ได้รับการสนับสนุนจาก 7 ไลเซนซีโรงงานสิ่งทอ และเสื้อผ้าจากแบรนด์ไลเซนซีทั้งหมด 34 แบรนด์ของคอตตอน ยูเอสเอ นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย อย่าง คุณพิสิษฐ์ ศิริเหมะรัตน์ Klar Lov คุณชัย เจียมกิตติกุล Chai Gold Label และคุณสิริอร เฑียรฆประสิทธิ์ PAINKILLER มาร่วมออกแบบและตัดเย็บชุดผ้าฝ้ายไว้อย่างสวยงามตระการตา ซึ่งดีไซเนอร์ทั้ง 3 ท่านได้บอกเล่าแรงบันดาลใจและคอนเซ็ปต์ในการตัดเย็บที่สื่อถึงคุณสมบัติทั้ง 3 ประการของเส้นใยฝ้ายสหรัฐอเมริกาดังต่อไปนี้
คุณพิสิษฐ์ ศิริเหมะรัตน์ ดีไซเนอร์ชื่อดังแบรนด์ Karl Lov ผู้ที่ออกแบบผลงานภายใต้คำนิยามของ “Purity” ซึ่งคุณพิสิษฐ์ได้ถ่ายทอดมุมมองของความบริสุทธิ์ผ่านชุดแต่งงานที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์ Karl lov ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “กูตูร์ริเย่ร์” (Couturier) ซึ่งเป็นศิลปะการตัดเย็บเสื้อผ้าระดับสูงในยุค1950 โดยสำหรับคอลเลคชั่นนี้ คุณพิสิษฐ์ออกแบบชุดโดยลดทอนสิ่งปรุงแต่งเกินความจำเป็นของชุด แต่ยังคงส่งเสริมความเป็นตัวตนที่แท้จริง เพื่อช่วยขับความงามภายในของหญิงสาวในวันที่สำคัญให้ออกมาอย่างชัดเจนผ่านการตัดเย็บที่เน้นที่รูปทรงของชุด (Silhouette) เพื่อช่วยเน้นความงามที่แท้จริง โดยผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ที่ใช้ในการตัดเย็บชุดแต่งงานของคุณพิสิษฐ์นี้ได้รับการอนุเคราะห์จาก บริษัท พิพัฒนกิจ เท๊กซ์ไทล์จำกัด และ บริษัท โรงงานผ้าไทย จำกัด (มหาชน)
คุณชัย เจียมกิตติกุล ดีไซเนอร์ ชื่อดังแบรนด์ Chai Gold Label ผู้ถ่ายทอดความหมายของ “Quality” กล่าวว่า สีแดง หมายถึง พลัง (energy), ความกระตือรือร้น (passion) และการลงมือทำงานนั้นอย่างทุ่มเท(action) ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นแรงผลักดันให้บุคคลนั้นๆ สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพออกมา คุณชัยกล่าวว่าในคอลเลคชั่นนี้ได้รังสรรค์ผลงานออกมาในโทนสีแดงทั้งหมด บวกกับเทคนิคการจับเดรป และการสร้างดีเทลที่น่าสนใจลงบนโครงเสื้อแบบคลาสสิค ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Chai Gold Label เมื่อนำมารวมกับนางแบบรุ่นคุณภาพของวงการแฟชั่นไทย จึงทำให้การนำเสนอผลงานในคอลเลคชั่นนี้ตอกย้ำถึงคุณภาพได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยบริษัท นันยาง เท๊กซ์ไทล์ จำกัด ได้สนับสนุนผ้าฝ้ายถักคุณภาพ และบริษัท โรงงานทอผ้ากรุงเทพ จำกัด ให้การสนับสนุนผ้าฝ้ายทอคุณภาพสูง
คุณสิริอร เฑียรฆประสิทธิ์ ดีไซเนอร์ชื่อดังแบรนด์ PAINKILLER ผู้รังสรรค์ผลงานชุดผ้าฝ้ายในสไตล์สตรีทแวร์ (Street-wear) ได้นำเสนอผลงานภายใต้คำจำกัดความ “Responsibility” ถ่ายทอดความหมายผ่านคอนเซ็ปต์ของ New Natural ที่ได้มีการนำเอาสีในกลุ่ม earth tone มาปรับใช้เพื่อให้ดูสนุกสนานมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงแฝงกลิ่นอายความอบอุ่นของโทนสีไว้ นอกจากนี้ยังใช้สีและลายที่สื่อถึงการพรางตัว เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้มนุษย์อยู่ร่วมกับพืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ อย่างสงบสุขได้อย่างลงตัวอีกด้วย โดยผลงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความรับผิดชอบต่อโลก จากบริษัท เออีซี เท๊กซ์ไทล์ จำกัด, บริษัท จงพัฒนา จำกัด และ บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน)
ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไลเซนซี และสื่อมวลชน ให้เกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยมีนักแสดง และนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ, อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ, มาร์กี้-ราศี บาเล็นซิเอก้า, แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด และเดี่ยว-สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล มาร่วมถ่ายทอดความอลังการของแฟชั่นโชว์ได้อย่างสวยงาม นายไกรภพ กล่าวทิ้งท้าย
“สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดแคมเปญ “I LOVE MY COTTON” สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้จากช่องทางดังต่อไปนี้
COTTON USA THAILAND Facebook : https://www.facebook.com/COTTONUSA.Thailand
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit