ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “ในภาคตะวันออกของประเทศมีการพัฒนามากขึ้นทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม แต่เมื่อปี 2556 ได้ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก เนื่องมาจากระบบโครงสร้างชลประทานที่มีแค่เพียงร้อยละ 2 โดยที่อ่างหนองแสงนี้จัดอยู่ในบริเวณนอกเขตชลประทาน จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบโครงสร้างชลประทานและบริหารจัดการแหล่งน้ำ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ทางโครงการฯ ได้รับความร่วมมือจากกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และพี่น้องในตำบลนาแขมเป็นอย่างดีซึ่งเป็นตัวอย่างของชุมชนเข้มแข็ง โดยเป็นที่แรกในการเริ่มต้น เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำหลากที่มีมานาน ผ่านการสร้างฝายในพื้นที่หนองแสงทั้งหมด 7 ตัว เพื่อชะลอน้ำและเก็บกักน้ำได้ประมาณ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับใช้ในฤดูแล้ง ประกอบกับที่นี่ฝนตกดี มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 มิลลิเมตรต่อปี หลังจากเราพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำในตำบลนาแขมเสร็จ ซึ่งเป็นแผนบริหารจัดการน้ำต้นแบบ ลำดับถัดไปจึงขยายไปที่ตำบลเมืองเก่าเพื่อพัฒนาต่อไป และจะดำเนินการขยายเครือข่ายไปทั่วประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ตามแนวพระราชดำริ ณ ตำบลนาแขมนี้ ได้ดำเนินงานตามกรอบการทำงานที่ให้ความสำคัญไปที่ชุมชนโดยตรง ให้ชุมชนเป็นผู้นำในการประชุม คิด ทำ ตัดสินใจ เป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในโครงการ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและขยายผล จนนำไปสู่การเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่นๆ ตามกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “...ให้ประชาชนเป็นครูเรานะ อย่าไปเป็นครูประชาชน...”
นายศิวพจน์ คูวิจิตรสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม ในฐานะผู้นำชุมชน กล่าวว่า "ตำบลนาแขม คือหนึ่งในพื้นที่ตัวอย่างที่อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำหลากมามากกว่า 10 ปีต่อเนื่องกัน “ถ้าย้อนกลับไป ปัญหาของคนในพื้นที่นี้ คือ น้ำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แหล่งเก็บน้ำไม่สามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอยามหน้าแล้ง เนื่องจากลำคลองตื้นเขินถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช และเกิดปัญหาน้ำท่วมตลอดในฤดูฝน เพราะไม่มีพื้นที่ชะลอน้ำ” เพื่อจัดการปัญหาทั้งภัยแล้งและน้ำหลากนี้ ด้วยความร่วมมือกันของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้แก่ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกลุ่มเครือข่ายองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม จึงจัดกิจกรรมนำร่องเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างฝาย ปลูกพืชคลุมหน้าดิน ทั้งหญ้าแฝกและพันธุ์ไม้ท้องถิ่น รอบอ่างเก็บน้ำของชุมชน โดยในขั้นแรกได้เร่งสำรวจพื้นที่ร่วมกับคนในชุมชนเพื่อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมวางแนวทางการแก้ไข ซึ่งทันทีที่อ่างเก็บน้ำได้รับการพัฒนาเสร็จ จะทำให้พื้นที่นี้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รับน้ำจากเขาใหญ่ด้านจังหวัดสระแก้วและนครนายก จะสามารถกักเก็บน้ำได้เพียงพอเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและการเกษตรของประชาชนนับพันคนใน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ หนองแสงและห้วยน้ำอู้ พร้อมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำจากระบบประปาบาดาล เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นดินทรุดตัวในอนาคต
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ในโอกาสที่ฮอนด้าได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 50 ปี และมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่สร้างสรรค์คุณค่าอยู่คู่สังคมไทย รวมถึงเพื่อแสดงความขอบคุณในน้ำใจของพี่น้องชาวไทยที่เชื่อมั่นและไว้วางใจฮอนด้าด้วยดีตลอดมา กองทุนฮอนด้าฯ ได้ดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ และปฏิบัติตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่าด้วยการพึ่งพาตัวเอง การคิดให้เชื่อมโยงกัน การใช้ธรรมชาติแก้ธรรมชาติ การทำงานให้เหมาะสมกับพื้นที่หรือภูมิสังคม การลงมือทำและสร้างตัวอย่างความสำเร็จ ซึ่งจะสามารถถ่ายทอดและขยายผลความสำเร็จไปสู่ชุมชนอื่น ทั้งนี้ เพื่อเป้าหมายของการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้มีประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำและสำรองน้ำได้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยได้วางนโยบายในการสนับสนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำครอบคลุม 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลนาแขมและตำบลเมืองเก่า ภายใต้งบประมาณ 19,167,000 บาท ซึ่งเป็นแผนพัฒนาระยะยาว 2 ปี และได้นำอาสาสมัครพนักงานกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ผนึกกำลังกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมพัฒนาแหล่งน้ำด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้กิจกรรมสร้างฝายหิน ปลูกหญ้าแฝกและพันธุ์ไม้ท้องถิ่น”
ป้าศรีนวล ทองศรีก่ำ ชาวบ้านในตำบลนาแขม หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กล่าวแสดงความรู้สึกว่า “ดีใจมากกับกิจกรรมในวันนี้ พี่น้องในหมู่บ้านก็มาช่วยกันเป็นจำนวนมาก ขอบคุณทางกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยและมูลนิธิอุทกพัฒน์ ที่เข้ามาช่วยพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อให้พวกเรามีน้ำไว้ใช้เพาะปลูกและใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอดปี ที่นี่ทุกคนทำเกษตรกันเยอะ ทั้งปลูกมันสำปะหลัง ข้าว หน่อไม้หวาน ถั่ว แตง มะม่วง ลำไย เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของที่ปราจีนบุรี ต่อไปชาวบ้านจะไม่อดอีกแล้ว ทุกครอบครัวที่นี่จะมีกินตลอดไป”
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit