แซดเอฟ ฟรีดริชชาเฟ่น เอจี (ZF Friedrichshafen AG) เตรียมเข้าซื้อธุรกิจเกียร์ขนาดใหญ่จากบ๊อซ เร็กซ์รอท (Bosch Rexroth AG) ซึ่งมีจำนวนพนักงานรวมกันกว่า 1,200 คน โดยสำหรับ ZF นั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเกียร์สำหรับงานอุตสาหกรรม ซึ่งใช้ในแท่นขุดเจาะน้ำมัน ยานพาหนะในเหมืองแร่ เครื่องจักรขุดอุโมงค์ กระเช้าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเกียร์สำหรับกังหันลมของทางบริษัทอีกด้วย ข้อตกลงซื้อกิจการได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2558 ซึ่งยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานด้านการป้องกันการผูกขาด
http://photos.prnasia.com/prnvar/20150514/8521503115LOGO
"การสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจนอกภาคยานยนต์ของเรานั้น ถือเป็นวัตถุประสงค์สำคัญภายใต้กลยุทธ์องค์กรในระยะยาวของเรา" ดร.สเตฟาน ซอมเมอร์ ซีอีโอของ ZF กล่าว "การเข้าซื้อธุรกิจเกียร์สำหรับงานอุตสาหกรรมและเกียร์สำหรับกังหันลมจาก Bosch Rexroth AG นับเป็นการเติมเต็มให้กับแผนกเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของเรา และเปิดประตูไปสู่กลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ" ทั้งนี้ ในปี 2557 ธุรกิจเกียร์ขนาดใหญ่ของ Bosch Rexroth ทำยอดขายได้ราว 300 ล้านยูโร และในปีเดียวกัน แผนกเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของ ZF ทำยอดขายได้ประมาณ 12% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทโดยรวมเข้าอยู่กับกลุ่มกิจกรรมออฟโร้ด และคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว
ZF จะเข้าครอบครองโรงงานผลิต 2 แห่งของ Bosch Rexroth AG ในเมืองวิทเทน (รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี) ที่มีพนักงานเกือบ 900 คน และในปักกิ่ง (ประเทศจีน) ที่มีพนักงานกว่า 300 คน รวมถึงศูนย์บริการในเลคซูริค (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งมีพนักงานประมาณ 15 คน รวมพนักงานทั้งหมดกว่า 1,200 ชีวิต โรงงานหลักในเมืองวิทเทนไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงงานผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของแผนกบริหาร แผนกพัฒนา และฝ่ายขายเทคโนโลยีเกียร์ขนาดใหญ่ (เกียร์อุตสาหกรรมและเกียร์สำหรับกังหันลม) อีกด้วย ส่วนโรงงานที่ปักกิ่งนั้น Bosch Rexroth ใช้ผลิตเกียร์สำหรับกังหันลมโดยเฉพาะ ทั้งนี้ บริษัทมีฝ่ายบริการลูกค้าที่โรงงานทั้งสองแห่ง รวมทั้งที่เลคซูริคด้วยเช่นกัน
"เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจเกียร์ขนาดใหญ่ของเราจะได้รับประโยชน์จากความ เชี่ยวชาญที่มีอยู่ด้านเกียร์ของ ZF และสามารถสร้างโอกาสการเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมจากการเข้าร่วมเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ใน ZF" มร.คาร์ล ทรากล์ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท Bosch Rexroth กล่าว พร้อมกับเสริมว่า Bosch Rexroth ประสบความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "เราได้ขยายประเภทของสินค้าด้วยการพัฒนาเกียร์รุ่นใหม่ๆ สำหรับกังหันลม ในส่วนที่ยังมีจุดอ่อนอยู่" ในอนาคต Bosch Rexroth จะให้ความสำคัญมากขึ้นกับธุรกิจหลักอย่างภาคอุตสาหกรรมและจักรกลเคลื่อนที่
"เราตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับพนักงานที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ในการพัฒนาและผลิตเกียร์สำหรับกังหันลม ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญกว่าครึ่งศตวรรษด้านเกียร์สำหรับงานอุตสาหกรรม" มร.วิลเฮล์ม เรห์ม ผู้รับผิดชอบด้านการบริหารทรัพยากรองค์กรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมในคณะกรรมการบริหารของ ZF กล่าว "ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งวิทเทนเป็นสำนักงานใหญ่ของหน่วยธุรกิจเกียร์สำหรับงานอุตสาหกรรมที่เราจะตั้งขึ้นใหม่"
ทั้งสองบริษัทตกลงกันว่าจะไม่เปิดเผยมูลค่าการซื้อขายกิจการ ซึ่งยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานด้านการป้องกันการผูกขาด
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม:
รัตนาวลี มั่นทรัพย์, ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด, บริษัท แซดเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +66 25216520 ต่อ 700, อีเมล์: rattanawalee.com
แอนเดรียส เวล, หัวหน้าฝ่ายสื่อสารด้านธุรกิจและการเงิน
โทร: +49 (0)7541 77-7925, โทร: +49 170 9198 465 อีเมล์: [email protected]
โจเช่น เมเยอร์, สื่อธุรกิจ
โทร: +49 7541 77-7028, อีเมล์: [email protected]
แซดเอฟเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างระดับชั้นนำของโลก รวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันและเชิงปกป้อง บริษัทได้เข้าครอบครองกิจการของทีอาร์ดับบลิวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 ทำให้ปัจจุบันมีฐานการผลิตจำนวน 230 แห่งใน 40 ประเทศ ในปี 2557 ซึ่งทั้งสองบริษัทยังบริหารงานแยกจากกันสามารถทำยอดขายได้ถึง 30,000 ล้านยูโร โดยมีพนักงานจำนวนทั้งสิ้น 134,000 คน โดยในปีที่ผ่านมาทั้งสองบริษัทได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมากถึง 5 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (2556: 836 ล้านยูโร) เพื่อที่จะต่อยอดความสำเร็จของการผลิตสินค้านวัตกรรม โดย ZF ถือเป็นหนึ่งในสามของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ผลิตสินค้าทางด้านยานยนต์ส่งมอบให้กับบริษัทชั้นนำทั่วโลก ซึ่งในปี 2558 นี้ บริษัทได้มีการฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปี แซดเอฟ ก่อตั้งขึ้นที่เมืองฟรีดริชชาเฟ่น เมื่อปี 2458 โดย ลุฟท์ชิฟฟบาว เซพเพลีน จีเอ็มบีเอช (Luftschiffbau Zeppelin GmbH) และใช้ชือในการก่อตั้งครั้งแรกว่า ซาหน์ราดเฟบริค จีเอ็มบีเอช (Zahnradfabrik GmbH) ในช่วงเริ่มต้น บริษัทได้ทำการพัฒนา ทดลอง และผลิตระบบส่งกำลังของอากาศยาน แต่หลังจากปี 2462 บริษัทเริ่มหันเหทิศทางในการดำเนินงานภายใต้การบริหารงานของ มร. อัลเฟรด กราฟ วอน โซเดน-ฟรอนห์โฮเฟ่น (Alfred Graf von Soden-Fraunhofen) กรรมการผู้จัดการคนแรก และต่อมาภายหลังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอุสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งในภาคธุรกิจนี้ บริษัทได้สร้างรากฐานสู่การเป็นผู้ผลิตทางด้านเทคโนโลยีรายสำคัญ มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรเป็นจำนวนมากสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีของระบบส่งกำลังที่คิดค้นขึ้นมา ต่อมาในปี 2501 บริษัทได้ขยายธุรกิจออกนอกแถบยุโรปเป็นครั้งแรกที่ประเทศ บราซิล ซึ่งเป็นการเปิดตัวเข้าสู่ความเป็นสากลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ แซดเอฟยังคงมีการขยายขีดความสามารถในเรื่องของความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการต่างๆด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2527 แซดเอฟเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเลมฟอร์เดอร์ เมทาลล์วาเลน แอนด์ ซีโอ เคจี (Lemforder Metallwaren & Co. KG) ซึ่งเป็นการขยายประเภทสินค้าในเครือของบริษัทที่รวมเอาเทคโนโลยีระบบรองรับน้ำหนักเข้ามาได้วยกัน หลังจากนั้นในปี 2544 แซดเอฟ เข้าถือครองกิจการของมานเนสมานน์ ซ้าคส์ เอจี (Mannesmann Sachs AG) เป็นการสร้างคุณค่าที่มากยิ่งขึ้นให้กับชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบขับเคลื่อนและระบบรองรับน้ำหนัก โดยแซดเอฟได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อที่ยังคงใช้มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ว่า แซดเอฟ ฟรีดริชชาเฟ่น เอจี (ZF Friedrichshafen AG) ตั้งแต่ปี 2535 โดยในปัจจุบันสินค้าของบริษัทครอบคลุมถึงเทคโนโลยีระบบส่งกำลังและระบบรองรับน้ำหนัก เช่น เกียร์ ชิ้นส่วนของระบบส่งกำลังและระบบรองรับน้ำหนัก รวมทั้งระบบเพลาแบบครบทั้งชุดและแบบโมดุล ผลิตภัณฑ์ของแซดเอฟถูกนำไปใช้ทั้งในรถยนต์ รถเพื่อการพาณิชย์ รถก่อสร้างและรถเพื่อการเกษตร รถไฟ และเรือ ทั้งนี้ บริษัทยังให้ความสนใจกับธุรกิจพลังงานจากลมและชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ นอกเหนือไปจากนี้ แซดเอฟ เซอร์วิส (ZF Services) ยังเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัทในระดับสากลสำหรับตลาดหลังการขาย
ในปี 2558 แซดเอฟ เข้าครอบครองกิจการของทีอาร์ดับบลิวผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาซึ่งได้มีการประกาศออกไปแล้วตั้งแต่ปี 2557 ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ แซดเอฟ ฟรีดริชชาเฟ่น เอจี คือ มูลนิธิเซพเพลีน (Zeppelin Foundation) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของเมืองฟรีดริชชาเฟ่น โดยถือหุ้นร้อยละ 93.8 เปอร์เซ็นต์ และ มูลนิธิ ดร. เยอร์เก้น แอนด์ อัมพ์การ์ด อัลเดอร์รัพ (Dr. Jurgen and Irmgard Ulderup Foundation) และเลมฟอร์เดอร์ (Lemforder) ถือหุ้นอีก 6.2 เปอร์เซ็นต์ “Motion and Mobility” คือสโลแกนที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินการของบริษัท แซดเอฟได้มีการพัฒนาและผลิตสินค้านวัตกรรม เพื่อผู้ใช้งานทั่วโลกที่ต้องการการขับเคลื่อนที่ สามารถวางใจได้ สะดวกสบายและปลอดภัย และสัมผัสประสบการณ์ที่สุดยอดของการเคลื่อนที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณภาพ ผู้นำด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมพลังงาน ถือเป็นคำจำกัดความที่อธิบายความเป็นตัวตนของกลุ่มบริษัทแซดเอฟได้ดีที่สุดในวันนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรูปภาพสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ www.zf.com
โลโก้ - http://photos.prnasia.com/prnh/20150514/8521503115LOGO
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit