นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารของไทยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2557 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอาหารสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 800,000 ล้านบาท สินค้าอาหารของไทยหลายรายการที่มีมูลค่าการส่งออกจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก อาทิ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร เนื่องมาจากประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านวัตถุดิบที่หลากหลายและผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญที่จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในอุตสาหกรรม ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะมีบทบาทเป็นครัวของโลกได้อย่างแท้จริง โดยเราตระหนักดีว่าผลิตภัณฑ์อาหารต้องสะอาดปลอดภัย ต้องมีคุณภาพสูง รวมทั้งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต
“รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารให้สามารถแข่งขันและเป็นผู้นำได้ในตลาดโลก ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น เราดำเนินตามนโยบายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยส่งออกสินค้าดังกล่าว โดยเร่งรัดการทำตลาดเชิงกลยุทธ์ ช่วยหาช่องทางเปิดตลาดใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมผู้ผลิตไทยให้เน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มและการพัฒนาตราสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ โดยมุ่งหวังให้คนทั่วโลกนึกถึงประเทศไทยเมื่อกล่าวถึงสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร และเพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในด้านอื่นที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้อง รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้า ผ่านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้าภายใต้กรอบการเจรจาระดับต่างๆ ควบคู่ไปกับการร่วมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถยกระดับการประกอบการไปสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง ซึ่งการจัดงาน THAIFEX-World of Food Asia ของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายในที่นี้ ถือเป็นกลไกหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว” นางอภิรดี กล่าว
ด้านนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า งาน THAIFEX-World of Food Asia 2015 จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารแห่งเอเซีย โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอาหารเทคโนโลยีและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยงานแสดงในปีนี้ได้มีการขยายพื้นที่การจัดแสดงงานที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 70,000 ตารางเมตร ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และได้ขยายพื้นที่จัดงานไปยังอาคาร 9 (Impact Forum Hall 9) เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสงานแสดงสินค้าที่ยอดเยี่ยมและเข้มข้นมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนการจัดแสดงสินค้าอาหารในงาน แบ่งออกเป็นกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการที่จัดแสดงภายในงานซึ่งจะจัดแสดงสินค้าไปทั่วบริเวณงาน อาทิ โซนอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ผักและผลไม้ เกษตรอินทรีย์ อาหารฮาลาล อาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมรับประทาน อาหารทะเล อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เนื้อและสัตว์ปีก อาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงรส ข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ กาแฟและชา ขนมและอาหารขบเคี้ยว เป็นต้น โซนบริการจัดเลี้ยงและธุรกิจบริการด้านอาหาร โซนเทคโนโลยีอาหาร โซนค้าปลีกและ แฟรนไชส์ นอกจากนี้ ภายใต้ THAIFEX-World of Food Asia ยังประกอบด้วยการจัดแสดงกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ World of Seafood, World of Coffee & Tea และ World of Food Service เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ของงานในปีนี้ อาทิ
กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์พัฒนาอาหารไทยสู่ตลาดโลก (Thailand: Kitchen of the World) ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตและผู้ส่งออกสินค้าอาหารรายสำคัญของตลาดโลก และการเป็นครัวของโลก โดยเฉพาะข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว และธุรกิจร้านอาหารไทย
กิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่ได้รับตรา THAI SELECT และนิทรรศการสร้างภาพลักษณ์ตราสัญลักษณ์ THAI SELECT เพื่อเป็นการส่งเสริมอาหารไทยและผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่ได้รับตรา THAI SELECT ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงจัดให้มีพิธีมอบเกียรติบัตรแก่บริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหารไทยสำเร็จรูปที่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับตรา THAI SELECT ด้วย นิทรรศการอาหารฮาลาล เพื่อแนะนำสินค้าอาหารฮาลาลของไทย และต่างประเทศ
นิทรรศการ I+D Style Café และ TTM + PM Award ในบรรยากาศร้านคาเฟ่ยุคใหม่ที่ผ่อนคลาย อบอุ่นและเป็นกันเอง ตกแต่งด้วยสินค้านวัตกรรมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งจัดแสดงสินค้าที่ได้รับรางวัล PM Award และตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark รวมถึงมุมให้คำแนะนำการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของสถาบันฯ
DITP Service Center : SMEs to AEC เพื่อให้บริการข้อมูล/คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศของกรมฯ โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานด้านการให้บริการของกรมฯ ประกอบด้วย ศูนย์บริการการค้าระหว่างประเทศ (DITP Call Center 1169) เพื่อให้บริการข้อมูล/คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ / สำนักพาณิชย์ดิจิตอล เพื่อให้บริการข้อมูล/คำปรึกษา และรับสมัครสมาชิก เว็บไซต์ Thaitrade.com เว็บไซต์การค้าออนไลน์ของกรมฯ รวมไปถึง ให้บริการข้อมูล/คำปรึกษาด้านเอกสารการส่งออก การขอฟอร์ม/เอกสารการส่งออก การขนส่งและระบบโลจิสติกส์ / สถาบันองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้บริการข้อมูล/คำปรึกษา และรับสมัครเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรต่างๆ ด้านการค้าระหว่างประเทศ / สำนักประชาสัมพันธ์ เพื่อแนะนำและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของไทยสำหรับนักธุรกิจและผู้ประกอบการต่างประเทศ ผ่าน E-Newsletter และ www.thailandhorizon.com
กิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้รับประทาน เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำจากสมุนไพรไทย ที่ได้รับความนิยม และมีการแปรรูปเป็นเครื่องดื่มพร้อมรับประทาน ยาเม็ดเสริมอาหาร และมีงานวิจัยสนับสนุนว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น กวาวเครือ กระชายดำ ขมิ้นชัน เป็นต้น โดยจัดเป็นนิทรรศการในรูปแบบ Modern drug store เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดในกลุ่ม Modern trade นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม THAIFEX 2015 - Wellness Culinary Tours ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 ประกอบด้วย โปรแกรมรับประทานอาหารสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และเรียนทำอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อแนะนำ Service Champion และให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพแก่ผู้เข้าร่วมงาน ผู้ชมงาน ตลอดจน Chefs ที่เข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันทำอาหารภายในงาน ได้เกิดแรงบันดาลใจในการคิดเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
นิทรรศการ 60+ มุมแสดงสินค้าของสมาชิกโครงการ 60+ และจัดแสดงสินค้าอาหารสำหรับผู้สูงอายุในลักษณะ Select Shop ภายใต้ธีม “Royal Healthy for Japanese Senior’s Life” โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ Quality Agriculture, Thai Touch Traditional, Thai Touch-Casual, และ Edible Cures
นิทรรศการข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยใช้หลัก “การตลาดนำการผลิต” คือการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ภายในนิทรรศการจะเน้นเรื่องราวที่มา การเพาะปลูก และลักษณะเด่นของข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของ live exhibition และการแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์จากข้าวไรซ์เบอร์รี่
การแข่งขัน อาทิ Thailand Ultimate Chef Challenge และ Global Chefs Challenge Semi-Final Continental Competition ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรกในประเทศไทย มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 36 คน จาก 12 ประเทศ
สัมมนา / Conference อาทิ World of Food Safety Conference / Asian Food Franchise Forum และThai GAP การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสินค้าเกษตรสู่ความปลอดภัยระดับสากล เป็นต้น
สำหรับงาน THAIFEX-World of Food Asia 2015 ในปีนี้ได้รับการตอบรับจากบริษัทชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมอาหารเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 1,600 บริษัท เกือบ 4,000 คูหา จาก 34 ประเทศ โดยมีประเทศตุรกีเข้าร่วมในฐานะ Partner Country โดยกรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าชมงานประมาณ 112,000 ราย จากนานาประเทศ อาทิ เอเชีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้คาดว่ามูลค่าการสั่งซื้อสินค้าในวันเจรจาธุรกิจและมูลค่าการจำหน่ายปลีก จะไม่ลดน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มดีขึ้น จึงคาดว่าความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น
“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า วันนี้อุตสาหกรรมอาหารของไทยมีความพร้อมเต็มที่ที่จะสามารถก้าวเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยศักยภาพด้านสินค้าอาหารหลากหลายประเภทที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับจากนานาชาติทั่วโลก รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไทยยังมีความสามารถ และมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนานวัตกรรมอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนภาครัฐเองได้ให้การส่งเสริม สนับสนุน และเปิดโอกาสโดยการสร้างช่องทางในการเจรจาการค้าและธุรกิจเพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางการค้ากับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าปัจจัยหลักเหล่านี้จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารไทยได้เติบโตในภูมิภาคเอเชีย และในตลาดโลกได้อย่างมีศักยภาพตามนโยบายรัฐบาล “ครัวไทยสู่โลก : Kitchen of the World” ได้อย่างแน่นอน” นางนันทวัลย์ กล่าวสรุป
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศขอเชิญชวนผู้ผลิตผู้นำเข้า-ส่งออกและผู้สนใจร่วมชมงาน THAIFEX-World of Food ASIA 2015 วันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2558 เวลา 10.00 – 18.00น. และวันจำหน่ายปลีกวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2558 เวลา 10.00 – 20.00น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอาคาร Impact Forum Hall 9 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.ditp.go.th และ www.thaitradefair.com หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ 1169
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit