นายวีระ กล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าให้ วธ.ดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งไปยังยูเนสโก เพื่อแสดงความจำนงว่าประเทศไทยยินดีเข้าร่วมการบูรณะแหล่งมรดกโลก นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้ วธ.ทำหนังสือไปยังเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย แสดงความจำนงว่าหากรัฐบาลเนปาลต้องการให้ประเทศช่วยบูรณะซ่อมแซมแหล่งมรดกโลกก็ยินดี อย่างไรก็ตามหากยูเนสโกและรัฐบาลเนปาล แจ้งสถานที่หรือว่าพื้นที่ที่จะให้ประเทศไทยเข้าไปบูรณะ วธ.ก็จะนำเรื่องดังกล่าวหารือและเสนอรัฐบาลเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ที่ประชุมมอบหมายให้กรมศิลปากรและคณะทำงานร่วมกับนักวิชาการ เพื่อรวบรวมและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม รูปแบบการบูรณะโบราณสถานของเนปาล ในการช่วยทำแผนบูรณะ และการวางโครงสร้าง ระบบป้องกันเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก
รมว.วธ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรายงานเกี่ยวกับความเสียหายของวัดไทยในเนปาล อาทิ วัดมุนีวิหาร เมืองภักตปูร์ จากข้อมูลพบว่าไม่ได้รับความเสียหายมาก เกิดเสียหายเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนวัดอนันทะกุฏิวิหาร กรุงกาฐมาณฑุ เป็นวัดเถรวาทของเนปาล ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งที่ประชุมได้หารือและเสนอความเห็นว่าประเทศไทย อาจจะเข้าไปช่วยบูรณะซ่อมแซมวัดไทยและวัดพุทธ ที่ได้รับความเสียหายน่าจะเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตามการจะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมแหล่งโบราณสถานและแหล่งมรดกโลกนั้น ยังต้องรอความชัดเจนจากทางการเนปาลซึ่งเป็นผู้อนุญาต เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในระหว่างการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย หากได้รับแจ้งหรือว่ามีความชัดเจน วธ.จะนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบและ เสนอรัฐบาลให้ความเห็นชอบว่าควรเข้าร่วมหรือไม่ ที่สำคัญต้องพิจารณาว่าจะต้องไม้ป็นภาระเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณด้วย