ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้ดำเนินโครงการร่วมกับ โรงเรียนนำร่อง 12 โรงเรียน ในจังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมมือกันรณรงค์ยุติความรุนแรงและสร้างสถาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อนักเรียน เพื่อป้องกันความรุนแรงหรือการรังแกกัน และส่งเสริมให้โรงเรียนมีกิจกรรม กฎระเบียบหรือมาตรการรองรับต่อการใช้ความรุนแรงและการรังแกกันในสถานศึกษา โดยเฉพาะการรังแกจากเหตุของเพศภาวะ ทั้งนี้เพื่อสร้างเสริมสิทธิเด็กและการคุ้มครองป้องกัน ให้เด็กนักเรียนรู้สึกปลอดภัยมั่นคง มีส่วนร่วมและได้รับการยอมรับนับถือในฐานะพลเมืองของสังคม โดยร่วมวางแผนและดำเนินการออกแบบคู่มือสื่อการเรียนการสอนสำหรับคุณครูและนักเรียน ในเรื่องความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติ เรื่องความเท่าเทียมด้านเพศภาวะ กระบวนการเข้าถึงความช่วยเหลือและการดำเนินงานด้านบริหารจัดการเพื่อช่วยยุติความรุนแรงและการรังแกกันในบริบทของโรงเรียน เพื่อนำไปปรับใชัให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตประจำวันในการป้องปราม หรือแก้ปัญหาการล่วงละเมิดโดยความรุนแรงและการรังแกต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและชุมชน
ดร. สายพันธุ์ ศรีพงศ์พันธุ์กุล นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ในบทบาทของภาครัฐได้ศึกษาและให้ความสนใจและสนับสนุนมาตรการต่างๆต่อเรื่องการปกป้องคุ้มครองเด็ก โดยให้ความสำคัญกับการยุติความรุนแรงและการรังแกกันโดยเฉพาะในโรงเรียนภายใต้พื้นที่ของสพฐ. ทั้งในเรื่องนโยบาย แผนงาน การดำเนินงานเพื่อยุติและป้องปรามปัญหาเรื่องความรุนแรงและการรังแกกันในโรงเรียน โดยจะเน้นถึงการแก้ปัญหาระหว่างผู้เกี่ยวข้องสำคัญหลักๆ 3 กรณี คือ 1. กรณีระหว่างนักเรียนกับนักเรียน 2. กรณีระหว่างครูกับนักเรียน และ 3. กรณีระหว่างบุคลากรในโรงเรียนกับนักเรียน ซึ่งทางสพฐ.ให้ความสนใจและยินดีสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนเพื่อสร้างเสริมศักยภาพด้านความปลอดภัย เพื่อเปลี่ยนแปลงและลดความรุนแรงในกรณีดังกล่าว”
คุณภาวนา เหวียนระวี ผู้อำนวยการ มูลนิธิพาธทูเฮลท์ กล่าวว่า “ในฐานะองค์กรที่ผลักดันเรื่องสุขภาวะเยาวชน เราเห็นว่าการรังแกหรือใช้ความรุนแรงต่อกันในสถานศึกษา สามารถแก้ไขได้หากสร้างความเข้าใจ และทัศนะที่เคารพในความแตกต่าง และการปฏิบัติต่อกันด้วยความเท่าเทียมเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราต้องการสร้างในเยาวชนและพลเมืองของเรา โรงเรียนนำร่องทั้ง12 แห่งในโครงการจะเป็นการทดลองสร้างเครื่องมือและวิธีดำเนินงานแบบทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนร่วมกันสร้างคุณลักษณะของผู้เรียนดังว่า เพื่อลดการรังแกและส่งเสริมการเคารพสิทธิและอยู่ร่วมกันในความแตกต่างทั้งเรื่องเพศและเรื่องอื่นๆ ที่มีการกระทำความรุนแรงต่อกัน”
คุณป้อมปราณณ์ เนตยวิจิตร์ ผู้จัดการโครงการป้องกันการรังแกและความรุนแรงในโรงเรียน องค์การแพลนฯ กล่าวเสริมว่า การรังแกกันและความรุนแรงในรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เป็นเรื่องที่รุนแรงเข้มข้นและแพร่หลายล่วงละเมิดออกสื่อออนไลน์ต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนที่ดูอ่อนแอหรืออ่อนด้อยกว่าเด็กอื่น รวมทั้งกลุ่มนักเรียน LGBT ที่ดูจะชัดเจนในเรื่องการการรังแกและล่วงละเมิดในเรื่องเพศภาวะ เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรให้ความสนใจและร่วมแก้ไขอย่างจริงจัง จากการที่ได้ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษา คุณครูและศึกษานิเทศน์ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ ทำให้เราได้เห็นประโยชน์ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ ซึ่งมีวิธีการจัดการกับปัญหาความรุนแรงที่แตกต่างกันในบริบทโรงเรียน แต่ปัญหาความรุนแรงจะลดลงมากหากบุคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน รวมถึงชุมชนต่างเห็นความสำคัญของปัญหาและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน เพื่อให้เด็กนักเรียนทุกคนรู้สึกมั่นคงปลอดภัย อยากไปเรียนหนังสือ มีความมั่นใจภูมิใจในตัวเอง มีทักษะชีวิตและมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ยอมรับนับถือในความแตกต่างของเพศและวัย เคารพซึ่งกันและกัน ผู้ปกครองควรเปิดใจรับฟัง ยอมรับในสิ่งที่ลูกตัวเองเป็น พร้อมให้ความรักความเข้าใจ เด็กๆควรมีสิทธิในการแสดงออกในความเป็นตัวตน ครูควรมีการปรับทัศนคติให้มีมุมมองบวกต่อนักเรียนเหล่านั้น รวมถึงกลุ่มที่เป็น LGBT ด้วยเช่นกัน” #
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit