ทั้งนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC 2015 ถือว่ามีความสำคัญกับชาติสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ชาติ เพราะเท่ากับเป็นการรวมตัวของตลาดขนาดใหญ่ถึง 600 ล้านคน และทำให้เศรษฐกิจของอาเซียนมีความแข็งแกร่งมาก ขณะเดียวกันในเรื่องของประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ก็ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชาติอาเซียน ดังนั้น สำนักโลจิสติกส์ จึงเร่งส่งเสริมการลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคการผลิต รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากการเปิดเสรี AEC ในรูปแบบกิจกรรมต่างๆ เช่น โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเตรียมพร้อมสู่สากล โครงการพัฒนาระบบการจัดการโลจิสติกส์อุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจชายแดน (พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย) โครงการพัฒนาการมาตรฐานด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น
สำหรับความพร้อมด้านโลจิสติกส์ของประเทศอาเซียนมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่ติดอยู่ใน 40 อันดับของโลก จากรายงานผลการจัดอันดับความสามารถในด้านโลจิสติกส์ของประเทศต่างๆ 160 ประเทศ โดย World Bank พบว่า สิงคโปร์ อยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก และที่ 1 ของอาเซียน ถัดมามาเลเซีย อยู่ในอันดับที่ 25 ของโลก และที่ 2 ของอาเซียน ส่วนไทย อยู่ในอันดับที่ 35 ของโลก และที่ 3 ของอาเซียน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในอาเซียนด้วยกันระบบโลจิสติกส์ของไทยยังเป็นรองสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยทั้งสองประเทศมีจุดเด่นที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี และยังมีการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็วตรงต่อเวลา ขณะเดียวกันมีการวางแผนที่ดี มีการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการโลจิสติกส์ แต่หากพิจารณาจากผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมแล้ว ประเทศไทยมีอัตราผลิตภาพที่สูงกว่า ดังนั้น ประเทศไทยควรเร่งพัฒนาการขนส่งหลายรูปแบบ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ในโซ่อุปทาน การส่งเสริมการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การพัฒนาคุณภาพและศักยภาพบุคลากรด้านโลจิสติกส์ และการพัฒนาคุณภาพการบริการโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอนาคตไทยจะสามารถยกระดับความสามารถในด้านโลจิสติกส์ขึ้นได้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนเพื่อช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัลในการจัดการด้าน โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน สามารถเพิ่มขีดความสามารถของสถานประกอบการได้ โดยปัจจุบันมีการดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงของฐานข้อมูลและการสื่อสารระหว่างองค์กรตลอดโซ่อุปทาน ก่อให้เกิดการลดต้นทุนโลจิสติกส์ อีกทั้งยังนำผลไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ สำนักโลจิสติกส์ กรมกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้จัดงาน Industrial Supply Chain Logistics Conference 2015 ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2558 ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการพัฒนาประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรมในปี 2558 และกระตุ้นให้ภาครัฐ และภาคเอกชนเห็นความสำคัญของการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน โดยภายในงานมีการสัมมนาซึ่งได้รับเกียรติจากหม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Driving Economy with Logistics Synchronization and Integration”