ผู้นำด้านอุตสาหกรรมการไฟฟ้ามุ่งหน้าสู่การจัดทำแผนพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนสำหรับอาเซียน

20 Aug 2015
รายงานเรื่อง “แนวโน้มพลังงานในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี ค.ศ. 2013” ของทบวงพลังงานโลก พบว่า10 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งจีนและอินเดีย กำลังจะทำให้เอเซียกลายเป็นศูนย์กลางพลังงานของโลก ภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเป็นกลุ่มประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านขนาด รูปแบบการใช้พลังงาน และความพร้อมด้านแหล่งพลังงาน เป็นอย่างมาก โดยใน 25 ปีที่ผ่านมา ความต้องการทางพลังงานของภูมิภาคนี้ได้ขยายตัวขึ้นกว่า 2.5 เท่า ทำให้กลายเป็นภูมิภาคที่มีการใช้พลังงานมากเป็นอันดับต้นของโลก

ดร. เฮเธอร์ จอห์นสโตน ผู้อำนวยการงาน อาเซียน พาวเวอร์ วีค ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 1-3 กันยายน ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งความพยายามในการในการรับมือความต้องการด้านพลังงานทดแทนของอาเซียน ซึ่งยังไม่ได้นำมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะเป็นหัวข้อสำคัญของการถกกันในช่วงการสนทนา รีนิวเวเบิล เอนเนอร์จี เวิลด์ เอเชีย ในงานประชุมครั้งนี้

“การทบทวนระดับการใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์นับเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อก๊าซธรรมชาติมีราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามประเทศในอาเซียนอุดมไปด้วยแหล่งพลังงานทดแทนต่างๆ เช่น แสงอาทิตย์ น้ำ และลม ดังนั้นการดำเนินการอย่างรวดเร็วจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งพึ่งพาการเกษตร การคมนาคม และทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์ที่ได้คือ รัฐบาลต่างๆและอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้ากำลังให้ความสนใจกับแผนการผลิตไฟฟ้าที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้อย่างเต็มที่”

ทุกวันนี้ ประเทศไทยเป็นผู้นำของภูมิภาคในการค้นหาแหล่งพลังงานที่ใหม่ สะอาด และยั่งยืน อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 15เท่านั้นของการใช้ไฟฟ้าในไทยที่ผลิตโดยใช้พลังงานทดแทน

“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน บวกกับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ตามแผน 10 ปี (พ.ศ.2555-2564) ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่มีเป้าหมายในการสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกเป็นร้อยละ 25 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ”

“กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการจัดงานปีนี้ และจะเป็นผู้บรรยายที่น่าสนใจมากของโปรแกรมงานในวันที่ 1 กันยายน เนื่องจากจะมีการนำเสนอมุมมองแผนการสร้างเสริมโอกาสพลังงานของประเทศไทยแก่ผู้เข้าร่วมงานจากภูมิภาคและทั่วโลก” ดร.จอห์นสโตนกล่าว

“งานประชุมเชิงวิชาการอย่างเช่น อาเซียน พาวเวอร์ วีค นั้น เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานด้านพลังงานของภูมิภาค ที่จะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและถกประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการ หรือการปรับเปลี่ยนแผนและนโยบายต่างๆที่จะผลักดันให้ประเทศต่างๆ ขับเคลื่อนสู่อนาคต”

ไฮไลต์อื่นๆของโปรแกรมงานประชุม รีนิวเวเบิล เอนเนอร์จี เวิลด์ เอเชีย ได้แก่ หัวข้อการประชุมเรื่อง “พลังงานทดแทนในภูมิภาคอาเซียน” “เชื้อเพลิงชีวมวลในอาเซียน” “ความท้าทายในการบูรณาการพลังงานทดแทน” รวมทั้งช่วงเวลาการประชุมที่เน้นด้านพลังงานแสงอาทิตย์ น้ำ และลม

งาน อาเซียน พาวเวอร์ วีค จัดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดงานและนิทรรศการ บริษัท เพนน์เวลล์ คอร์ปอเรชั่น และเป็นงานที่ได้รวบรวมงาน พาวเวอร์-เจน เอเชีย ประจำปีครั้งที่ 23 งาน รีนิวเวเบิล เอนเนอร์จี เวิลด์ เอเชีย” ครั้งที่ 8 และงาน พาวเวอร์-เจน เอเชีย ไฟแนนเชียล ฟอรัม ครั้งที่ 2 โดยงานที่จัดขึ้นตลอดทั้งสามวันนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 7,500 คน จากทั่วโลก ซึ่งผู้เข้าร่วมงานหลักมาจากประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และประเทศตะวันออกกลาง ผู้เข้าร่วมงานสามารถเยี่ยมชมนิทรรรศการกว่า 200 บริษัทผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ รวมถึงโอกาสที่จะได้เห็นเทคโนโลยีและความก้าวหน้าล่าสุดของอุตสาหกรรม

ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.powergenasia.com | www.renewableenergyworld-asia.com |www.powergenasiafinance.com