น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกช่วงสั้น จากการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่(ครม.)ซึ่งคาดว่าทีมเศรษฐกิจใหม่จะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งการที่กรีซได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 8.6 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 3 ปี ทำให้ไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 3.2 พันล้านยูโรที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 สิงหาคม และยังคงเป็นสมาชิกของยูโรโซนต่อไป นอกจากนี้เรื่องของ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนภาคการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 และจากความคืบหน้าในการเปิดประมูล 4Gในเดือนพฤศจิกายน 2558ขณะที่ปัจจัยลบของผลกระทบจากความกังวลสถานการณ์เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกราชประสงค์และท่าเรือใต้สะพานตากสินซึ่งทำให้มีรัฐบาลหลายประเทศออกแถลงการณ์เตือนภัยกดดันบรรยากาศการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้แรงกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ในสัปดาห์หน้าจะยังคงถูกกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหลังจากเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในปีนี้ ดังนั้นคาดว่า SET มีโอกาสที่จะย่อตัวลง แต่ Downside ค่อนข้างจำกัดที่บริเวณแนวรับ 1,350 – 1,360 จุด เนื่องจากคาดว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดใหม่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ เพื่อเรียกความมั่นใจจากนักลงทุน รวมถึงสัญญาณทางเทคนิค SET เข้าเขต Oversold (ขายมากเกินไป) อีกด้วย
ทั้งนี้แนะนำ Selective buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น กลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC, INTUCH จากที่มีความคืบหน้าการประมูล 4G (คาดประมูลคลื่นในวันที่ 11- 12 พ.ย.) และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีเด่น รองลงมาเป็นกลุ่มส่งออกอาหาร CPF ,TUF และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE ,DELTA, HANA, SVI จากค่าเงินบาทอ่อนค่า นอกจากนี้แนะนำ กลุ่มสายการบิน ท่องเที่ยวและโรงแรม หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มเติมมองเป็นจังหวะเข้าซื้อลงทุนสำหรับระยะกลางถึงระยะยาว
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่าราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบเป็นการพักฐานหลังจากปรับขึ้นมาแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาสดใสจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ระดับ 61 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2548 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้อนุมัติข้อตกลง ให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่แก่กรีซ หลังจากที่รัฐสภากรีซ มีมติเห็นชอบแผนปฏิรูปเศรษฐกิจภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีแสดงความเชื่อมั่นว่า IMF จะร่วมให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 3 แก่กรีซ
อย่างไรก็ตามการรายงานตัวเลขจ้างงานและยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งทำให้การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ จะยังเป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคำ
ดังนั้นประเมินว่าราคาทองมีโอกาสพักตัวเพื่อปรับขึ้นต่อ โดยราคาทองเริ่มพักตัวออกข้าง หลังฟื้นตัวขึ้นมาแรงตามแนวขึ้นในรูปแบบ ROUNDING BOTTOM อย่างไรก็ตาม การพักตัวที่ยังแกว่งตัวไปตามเส้น 5 และ 10 วันที่เรียงตัวเป็นแนวโน้มขึ้น พร้อมกับค่าสัญญาณ RSI ฟื้นตัวขึ้นมาจากเขต OVER SOLD และเกิดแรงหนุนสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มพักตัวเพื่อปรับขึ้นต่อ โดยให้แนวรับ 1,100-1ม095 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,130-1,135 เหรียญต่อทรอยออนซ์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit