นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับสัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากมาตรการลดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ลดค่ากลางดังกล่าวลง 1.82% เพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออกของจีน เนื่องจาก ในเดือน ก.ค. ตัวเลขส่งออกของจีนออกมา หดตัว -8.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (mom) อีกทั้งเศรษฐกิจจีนยังมีปัญหาเรื่องการฟื้นตัว และแม้จะมีการใช้มาตรการทั้งการเงินและการคลัง อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล ส่วนตลาดหุ้นจีนเองก็ปรับลดไปมาก
ดังนั้น การที่ปล่อยให้ค่าเงินหยวนผูกค่าเงินติดกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อไป จะทำให้เงินหยวน แข็งค่าตามเงินดอลลาร์ขึ้นไป เนื่องจากสหรัฐฯ ขณะนี้กำลังจะเริ่มดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่สวนทางกับจีน คือ การชะลอการใช้นโยบายทางการเงิน และการคลังลง โดยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าขึ้นไป หากเงินหยวนยังผูกติดกับดอลลาร์ ก็จะพลอยแข็งค่าตามขึ้นไปด้วย ตรงนี้จะส่งผลกระทบให้จีนมีความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลกด้านการส่งออกลดลง
“ด้านผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลก การที่จีนลดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนแบบนี้ คือเป็นการกำหนด Fix rate อัตราแลกเปลี่ยนโดยรัฐบาลจีน ซึ่งจะไม่ทราบได้ว่าแต่ละวันเรทตรงนี้จะเป็นเท่าไร ทำให้ต่างชาติโดยเฉพาะประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้ากับจีน มีความกังวลเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก เช่น ในยุโรป และสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศอื่น ๆ และส่งผลต่อความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ธนาคารกลางของจีนจะกลับมากำหนดค่าเงินหยวนในวันศุกร์ในลักษณะเพิ่มค่าทำให้หยุดยั้งการอ่อนค่าลงของเงินหยวนแต่อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ ปัจจัยดังกล่าวจะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโลก พอสมควร” นายวรุตม์ กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ออกมาที่ระดับ 2.8% ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ แต่ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของ GDP ปี 58 เหลือโต 2.7-3.2% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3-4% หลังมองว่าการส่งออกในปีนี้จะติดลบถึง -3.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 0.2% และการนำเข้าจะติดลบ -5.5% จากเดิมคาดเติบโต 0.8% ซึ่งน่าจะส่งเป็นกลาง ๆ กับตลาดหุ้นไทย
ด้านกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี สัปดาห์นี้ น่าจะอยู่ในกรอบ 1,390-1,430 จุด และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปันผลสูง และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน เช่น หุ้นฟื้นตัว และหุ้นที่มีแนวโน้ม การเติบโตของกำไรสูง
สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ แนะซื้อ SAPPE ของ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิต และส่งออกสินค้า Functional drinks ที่เน้นการบำรุงเฉพาะเรื่อง เช่น เพื่อผลทางด้านความงาม และเพื่อสุขภาพ โดย SAPPE มีทั้งธุรกิจในประเทศและส่งออก โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 60% เช่น อินโดนีเซีย และจีน ทำให้ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท คาดการณ์การเติบโตของกำไรปีนี้ และปีหน้า อยู่ที่ 20% ตาม Consensus จาก Bloomberg จึงถือว่า เป็น Growth Stock ที่น่าลงทุน
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วง High season และเป็นช่วงที่จะได้กำลังผลิตอย่างเต็มที่ จากโรงงานใหม่ จึงทำให้หุ้นนี้มีความน่าสนใจลงทุน โดยมี ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ 35.62 บาท ตาม Consensus จาก Bloomberg
ด้านสัญญาณทางเทคนิค เริ่มมีสัญญาซื้อรายวัน หลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับลดมาจากราคาสูงสุดที่ 44 บาท และแม้ว่าปัจจุบันหุ้น SAPPE จะมีสัญญาขายในรายสัปดาห์ และรายเดือนอยู่ แต่คาดว่า อีกไม่นาน หากดูจากการเคลื่อนไหวของกราฟ สัญญาณน่าจะกลับเป็นสัญญาซื้อเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ในทางเทคนิค มองราคาเป้าหมายแรกที่ 29.75 บาทและเป้าหมายต่อไป ที่ 32.50 บาท
นักลงทุนทั่วไป ติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด 02-680-5000
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit