นายวีระ กล่าวต่อว่า 2.พัฒนาตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการสร้างค่านิยมและการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสื่อสารัตถะไทย เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด, เน้นการส่งเสริมการสร้างสรรค์ และเน้นการส่งเสริมความเป็นไทยสู่สากลโดยใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อให้มากขึ้น 3. ส่งเสริมการปกป้องและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ซึ่งควรส่งเสริมให้มีการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย หรือละเมิดลิขสิทธิ์ 4.ส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศ รวมทั้งธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์
รมว.วธ. กล่าวว่า และ 5. พัฒนาฐานข้อมูลและกลไกเพื่อยกระดับการบริหารจัดการอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทย ที่บูรณาการในระดับกระทรวงหรือหน่วยงาน เพื่อมุ่งเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังเสนอให้เพิ่มสำนักคณะกรรมกิจการการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) เป็นหน่วยงานดำเนินงานในยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในการบูรณาการ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการบูรณาการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และ วีดิทัศน์ในภาพรวม ซึ่งต้องเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติที่มีเพียงยุทธศาสตร์เดียว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดเป้าหมายที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อการดำเนินงานเกี่ยวกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า รวมถึงการวางแผนในการบูรณาการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างมีเอกภาพอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบให้นำยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ด้าน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับยุทธศาสตร์ เพื่อนำ เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ เพื่อนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวจัดทำแผนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์อย่างเป็นระบบต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit