นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยว่า บริษัทฯมียอดพรีเซลคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค 58- มิ.ย 58) ที่ระดับ 2,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดพรีเซลอยู่ที่ 863 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดพรีเซลถึง 201%
สาเหตุหลักที่บริษัทฯ มียอดพรีเซลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแผนกลยุทธ์การขยายโครงการใหม่ของบริษัทฯตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรวม 5 โครงการ ประกอบด้วยโครงการ Pause สุขุมวิท 103, โครงการ Pause สุขุมวิท 107, โครงการ Pause สุขุมวิท 115, โครงการ Pause ID สุขุมวิท 107 และ โครงการไนท์บริจด์ สกาย ซิตี้ สะพานใหม่ โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 3,175 ล้านบาท ประกอบกับการเลือกทำเลในแต่ละแห่งที่บริษัทฯมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ตามทำเลที่ตั้งแนวรถไฟฟ้า ทำให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ ตามคอนเซ็ปต์กลยุทธ์ บลูโอเชี่ยน ได้ตรงตามความต้องการของบริษัทฯ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด " การเลือกยุทธ์ศาสตร์กำหนดทำเลที่ตั้ง เป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งORI เล็งเห็นถึงความสำคัญในจุดนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ตรงจุด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเน้นรูปแบบการดีไซด์ที่ทันสมัยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกัน ORI ยังมีจุดแข็งทีเหนือคู่แข่ง นั่นคือการ การพัฒนาคอนโดมิเนียม แบบ Low Rise ที่สามารถทำยอดขาย และ ปิดโครงการได้รวดเร็ว ซึ่งจากจุดเด่นดังกล่าว สะท้อนออกมาให้เห็นถึงยอดขาย และ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การมองตลาดตามคอนเซ็ปต์บลูโอเชี่ยน คือ ทำเลศักยภาพใหม่ ที่มีคู่แข่งน้อยราย เช่น ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท – สมุทรปราการ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าพหลโยธิน – สะพานใหม่ หรือตลาดในนิคมอุตสาหกรรมที่มีกำลังซื้อสูง เช่น ศรีราชา และการที่บริษัทฯ มีช่องทางการทำการตลาด
ต่างประเทศ ประกอบกับโอกาสการเข้าสู่ AEC ที่บริษัทฯ เน้นเพิ่มกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ โดยบริษัทฯ มีทีมเซลล์อินเตอร์ที่มีศักยภาพสูงและมีพันธมิตรทางการค้าในต่างประเทศที่ช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนของบริษัทฯ " นายพีระพงศ์ กล่าว โครงการ " ไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ " เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคย่านสะพานใหม่ ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดการจองซื้อโครงการล่าสุดที่สูงถึง 86% หลังจากที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการเพียงเดือนเศษ ทั้งนี้เป็นเพราะความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าว ยังคงมีดีมานความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ORI ก็ถือเป็นบริษัทฯอสังหาริมทรัพย์แห่งแรก ที่เข้าไปเจาะตลาด และเปิดการขายคอนโดฯเป็นรายแรกในย่านสะพานใหม่ ประกอบกับ จุดเด่นของโครงการนี้คืออยู่ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายหยุด (สายสีเขียว) โดยบริษัทฯคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 3/2560นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากคอนเซ็ปต์ การทำคอนโดมิเนียมแบบบลูโอเชี่ยน ทำให้บริษัทฯ เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียนที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการ " ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา " ในช่วงปลายไตรมาส 3/2558 นี้ โดยโครงการดังกล่าว บริษัทฯ จะเน้นรูปแบบการดีไซต์ และฟังก์ชันที่เป็นไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่น มาประยุกต์ใช้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าหากเปิดขายโครงการ " ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา " จะได้การตอบรับที่ดีจากคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ กำหนดเปิดการขายไว้ช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ และคาดว่าจะมียอดจองซื้อเข้ามากว่า 70% ของมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท " จากการเดินทางไปโรดโชว์โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ณ ประเทศญี่ปุ่น ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจ และต้องการที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศไทยในสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นได้จากสัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันลูกค้าชาวญี่ปุ่นมีสัดส่วนถึง 87 % เมื่อเทียบกับสัดส่วนลูกค้าต่างชาติทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งจากสัดส่วนดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ผุดโครงการ " ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา " เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น " นายพีระพงศ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ยังได้กล่าวอีกว่า ในเร็วๆนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ โครงการ " ไนท์บริดจ์ " เพื่อตอกย้ำความสำเร็จ บนย่านเกษตร – สะพานใหม่ ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่าย่านดังกล่าวเป็นแหล่งทำเลทอง และ เป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ที่ยังคงมีดีมานความต้องการ คอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากบริษัทฯ ดำเนินการเปิดโครงการดังกล่าวได้ตามแผนยุทธ์ศาสตร์ที่วางไว้ ก็จะทำให้ORI สามารถสร้างอาณาจักรคอนโดมิเนียมย่านเกษตร – สะพานใหม่ ได้อีกแห่ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการสร้างอาณาจักรคอนโดมิเนียมย่านบางนามาแล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยความสำเร็จจากตัวเลขอัตราการเติบโต ส่งผลให้บริษัทฯ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 301 ล้านบาท โดยจะขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และเตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายในไตรมาส 3 นี้
" ภายในระยะเวลาการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้านคอนโดมิเนียมกว่า 5 ปี บริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาทั้งหมด 22 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 13,600 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีแผนผุดโครงการในอนาคตเพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมทุกโครงการประมาณ 17,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานที่โตต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดด ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารงานอย่างมืออาชีพ มีความแข็งแกร่ง และพร้อมพาบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ "
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit