นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า จากที่ดำเนินโครงการดังกล่าวมาเป็นปีที่ 2 ปีนี้จะชูแนวคิด "ดี สเปซ" (D Space) ดีไซน์ (Design) ดีเวลลอป (Developed) ซึ่งดำเนินการโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและมีที่ปรึกษาจากศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และ บริษัท ไอ ดีไซน์ จำกัด มาเป็นพันธมิตรร่วมทำงานที่มุ่งพัฒนาผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับแฟชั่นเทรนด์ ซึ่งภายหลังจากการพัฒนาผู้ประกอบการ ดังกล่าวแล้ว กสอ. จึงจัดกิจกรรมการนำผู้ประกอบการจำนวน 47 ราย แบ่งเป็นอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 25 ราย และเครื่องหนังและรองเท้า 22 ราย เข้าแสดงและร่วมเจรจาธุรกิจในงานฮ่องกงแฟชั่นวีค ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ 41 ประเทศ ในส่วนของผู้ประกอบการไทยที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมเจรจาธุรกิจและร่วมโชว์แฟชั่นมินิพาเหรดในงานดังกล่าวด้วย อาทิ แบรนด์ MONIQUE, TA THA TA,RUCHITTA, IDYLLIC, LABEL 31, ADHOC, AL'MANITA, JARITT, IAMES, FREAK OUT, THE SUN CHIC เป็นต้น ทั้งนี้ ตลอดการร่วมงาน 4 วัน (ระหว่างวันที่ 6 – 9 กรกฎาคม 2558) ได้รับการตอบรับและสามารถสร้างรายได้จากการเจราจาธุรกิจได้กว่า 10 ล้านบาท และยังมียอดการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายเอกพจน์ ภาณุนันท์ ผู้ประกอบการบริษัท เอ็มเอ็นคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของแบรนด์โมนิค(Monique) เปิดเผยว่า แบรนด์โมนิค ผลิตกระเป๋าหนังแท้ ออกแบบไม่เหมือนใครในราคาปานกลางจับกลุ่มระดับบี ขึ้นไป ซึ่งเปิดตัวและเริ่มต้นธุรกิจมาได้ไม่นาน เน้นทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก ดังนั้น การได้รับโอกาสไปร่วมงานแสดงสินค้าฮ่องกงแฟชั่นวีค ครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดโอกาสในการนำผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยไปแสดงศักยภาพให้นานาชาติ ได้เห็น อีกทั้งได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 รายของสาขาเครื่องหนังและรองเท้า เข้าร่วมเจรจาธุรกิจการค้ากับบายเออร์จากนานาประเทศ เป็นการขยายพื้นที่ในการเจรจาธุรกิจที่จากเดิมส่งออกแค่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย งานนี้ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกหลายประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง และดูไบ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจ หากการเจรจาดังกล่าวสำเร็จแนวโน้มการส่งออกก็จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 นอกจากนี้ภายในงานดังกล่าวยังมีการแนะแนวทางเทรนด์แฟชั่นโลก ในขณะนี้อีกด้วย เช่น โทนสีแดงเข้มกำลังมาแรง วัตถุดิบหนังที่ผ่านการตกแต่งผิวแล้วก็ได้รับความนิยมมากกว่า หนังธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์โมนิค ให้สอดคล้อง กับเทรนด์แฟชั่นโลกและตรงกับความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
นายอาทิตย์ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในโอกาสที่ได้นำผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม SMEs ไปร่วมงานครั้งนี้ ได้ถือโอกาสหารือกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) และมีความเห็นร่วมกันว่า งานแสดงสินค้าที่จัดโดย HKTDC นี้ เป็นเวทีที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ทำให้ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงานได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งได้เจรจาธุรกิจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ทั้งตลาดฮ่องกงและต่อยอดไปสู่ตลาดประเทศจีนหรือประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่ได้มีการพัฒนารูปแบบ (Design) พัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรม เนื่องจากฮ่องกงเป็นศูนย์ธุรกิจ และศูนย์จำหน่าย และกระจายสินค้าระดับนานาชาติ ดังนั้น HKTDC จึงจะสนับสนุนให้ กสอ. ได้นำผู้ประกอบการSMEs ไทยที่ กสอ. ได้พัฒนาตามโครงการต่าง ๆ มาร่วมแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในงานแสดงสินค้าประเภทต่าง ๆ ที่มีโปรแกรมจัดงานระดับนานาชาติกว่า 30 งานต่อปี โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพมีหลายประเภท นอกเหนือผลิตภัณฑ์แฟชั่น เช่น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ของตกแต่ง เครื่องสำอาง เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ที่ www.dip.go.th หรือwww.facebook.com/dip.pr
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit